ZT Maju - шаблон joomla Продвижение

ข่าวเด่นประจำวัน

คุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ !!!!

untitled

โรคซึมเศร้า สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย จุดเริ่มต้นของโรคนี้มักมาจากมรสุมชีวิตและการสูญเสีย เมื่อดูจากภายนอกแล้ว อาการที่เห็นใกล้เคียงกับอาการเศร้าหรือเสียใจทั่วไป แต่ผลกระทบนั้นรุนแรงกว่ามาก ซึ่งทั้งตัวผู้ป่วยเองหรือคนรอบข้างอาจไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ทำให้โรคนี้กลายเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่พรากหลายต่อหลายชีวิตไปอย่างคาดไม่ถึง

icon-depressive300x300

 

 

โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยมากที่สุด ซึ่งผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นไม่ได้ถูกจัดประเภทว่าเป็นคนบ้าหรือคนไม่ดีแต่อย่างใด หากแต่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการป่วยทางอารมณ์ที่ควรได้รับการรักษา เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาในเร็ววันอาจส่งผลเสียถึงชีวิตอย่างหนักได้ โดยอาจจะมีพฤติกรรมคิดสั้นฆ่าตัวตาย ดังนั้น สาเหตุของการเกิดโรค อาการและวิธีรักษานับว่าจำเป็นยิ่งนักที่ทุกคนจะต้องให้ความใส่ใจตระหนักรู้ โดยคุณสามารถติดตามรายละเอียดดังกล่าวได้ดังต่อไปนี้ทำความรู้จักโรคซึมเศร้าอย่างละเอียดโรคซึมเศร้าคือ โรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจและความคิด โดยอาการต่างๆ เหล่านี้จะคอยสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในประจำวันอย่างมาก เช่น รับประทานอาหารได้น้อยลง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ มีความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุขกับชีวิต ในหัวสมองมักมีแต่ความวิตกกังวล ที่สำคัญผู้ป่วยไม่มีความสามารถในการประสานความคิดและความรู้สึกของตัวเองเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างดีพอ

 

สำหรับโรคซึมเศร้านั้นถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาด้านสุขภาพของคนไทยที่มีความสำคัญและน่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยสังเกตได้จากสังคมในปัจจุบันนี้ที่มักมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาการฆ่าตัวตาย รวมทั้งปัญหาการทำร้ายร่างกายของตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็นับเป็นเรื่องที่น่าสลดใจไม่น้อยทีเดียว เพราะฉะนั้น ต้นตอสาเหตุจากการที่ผู้ป่วยประสบปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัว การงาน การเงินหรือพบเจอความล้มเหลวสูญเสียในชีวิตอย่างรุนแรง ทุกปัญหานั้นล้วนเป็นสาเหตุนำมาสู่การเกิดโรคซึมเศร้าได้หมดทั้งสิ้นสาเหตุของโรคซึมเศร้าโรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีที่อยู่ในสมองที่มีชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin) เมื่อสารเคมีดังกล่าวมีปริมาณน้อยลงจากเดิมก็ทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจและทางความคิด ซึ่งโดยรวมจะสังเกตเห็นได้ว่าผู้ป่วยจะมีความรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย เหงา ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สนุกสนานกับชีวิตประจำวัน นอนไม่หลับ มักสะดุ้งตื่นในกลางดึก ฝันร้ายบ่อย เหล่านี้ยังเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานที่ลดลงสำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้านั้นมาจากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในด้านของกรรมพันธุ์ ด้านพัฒนาการของจิตใจ รวมทั้งด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องเผชิญ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยประสบกับความเครียดที่แสนหนัก เจอมรสุมชีวิตที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เกิดอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจนทำให้หมดกำลังใจ ตกงาน มีปัญหาเรื่องการเงินที่หาทางออกไม่ได้ มีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด รวมทั้งพบเจอกับความสูญเสียในชีวิตที่ทำให้เสียใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียพ่อแม่ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงของวัยเด็ก สูญเสียคนรัก สูญเสียครอบครัว และยังรวมถึงปัจจัยทางชีวภาพ เช่น เกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับสารเคมีในสมองบางชนิด ก็สามารถส่งผลทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้เช่นเดียวกัน ชนิดของโรคซึมเศร้าโรคซึมเศร้าแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน ซึ่งแต่ละชนิดมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปดังนี้Major depression (โรคซึมเศร้าแบบรุนแรง) โรคซึมเศร้าชนิดนี้จะรบกวนการทำงาน การรับประทานอาหาร การนอนหลับ การเรียน รวมทั้งอารมณ์สุนทรีย์ ซึ่งอาการของโรคซึมเศร้าชนิดนี้จะเกิดเป็นครั้งๆ แล้วหายไป แต่ทั้งนี้ก็สามารถเกิดได้บ่อยครั้งDysthymia (โรคซึมเศร้าเรื้อรัง) เป็นโรคซึมเศร้าชนิดที่อยู่ในภาวะที่รุนแรง และสามารถเป็นแบบเรื้อรัง ทั้งนี้มันสามารถทำให้ผู้ป่วยเกิดการสูญเสียความสามารถในการทำงานและความรู้สึกที่ดีได้Bipolar หรือ Manic-depressive illness (โรคซึมเศร้าอารมณ์ตก) เป็นโรคซึมเศร้าชนิดที่ผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยส่วนมากจะค่อยเป็นค่อยไป เมื่อซึมเศร้าก็จะมีอาการมากบ้างน้อยบ้าง แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นช่วงอารมณ์สนุกคึกคักเกินเหตุ จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการพูดมากกว่าที่เคยเป็น มีความกระฉับกระเฉงมากเกินกว่าเหตุ มีพลังงานในร่างกายที่เหลือเฟือ ในช่วงอารมณ์สนุกคึกคักเกินเหตุนั้น จะมีผลกระทบต่อความคิดและการตัดสินใจของผู้ป่วย รวมทั้งพฤติกรรมของผู้ป่วยอาจจะหลงผิด หากผู้ป่วยในภาวะนี้ไม่ได้รับการรักษาจะทำให้ผู้ป่วยกลายเป็นโรคจิตอาการของโรคซึมเศร้าหากคุณกำลังกังวลว่าตัวเองหรือคนรอบข้างกำลังเผชิญหน้ากับ โรคซึมเศร้า อยู่หรือไม่ เบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากอาการเศร้า เสียใจ และท้อแท้จนไม่อยากทำอะไร บางครั้งก็เป็นไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถึงแม้มีเรื่องน่ายินดีก็กลับไม่รู้สึกมีความสุขเลย และนอกจากนี้ ผู้ที่เข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้ามักแสดงอาการเหล่านี้ออกมาพร้อมๆกันภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์รู้สึกหมดหวัง ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปหรือจะทำไปเพื่ออะไรไม่มีความสุขกับสิ่งของหรือกิจกรรมที่ชอบ เช่น รู้สึกเบื่อหน่ายอาหารโปรดหรือการร่วมเพศน้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นเร็วมากอันเนื่องมาจากการรับประทานอาการที่ไม่เหมือนเดิมนอนไม่หลับมาเป็นระยะเวลานาน แต่ในผู้ป่วยบางรายก็นอนนานผิดปกติมีอาการเครียด หงุดหงิดง่ายขึ้น ไม่รู้สึกผ่อนคลายไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้เลย บางครั้งก็แสดงอาการหลงๆลืมๆ และใช้เวลานานในการตัดสินใจมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ช้าลง รวมถึงการพูด เพราะรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรงรู้สึกอยากฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย บางครั้งผู้ที่มีอาการนี้ก็ไม่รู้ตัวเองอาการเหล่านี้คืออาการของโรคซึมเศร้า หากปล่อยไว้นานจะทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังซึ่งมีอาการรุนแรงกว่านี้มาก ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการบำบัดสภาพร่างกายและจิตใจอย่างถูกต้องก่อนที่จะก่อให้เกิดความสูญเสีย

ขอบคุณที่มา : รู้จักกับ โรคซึมเศร้า โรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยมากที่สุด

ข่าวเด่นประจำวัน

ผลกระทบสุดแย่ ที่เกิดเพราะแค่คุณเครียด

ผลกระทบสุดแย่ ที่เกิดเพราะแค่คุณเครียด
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           รู้หรือไม่ว่า แค่เพียงคุณวิตกกังวล สุขภาพของคุณก็โดยทำร้ายโดยไม่รู้ตัวแล้วนะ ถ้าไม่อยากเจ็บป่วยต้องเลิกกังวลซะ

           ความวิตกกังวล เป็นอาการส่วนหนึ่งของความเครียด ที่ซึ่งมีส่วนทำให้สุขภาพร่างกายของย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งถ้าหากเกิดความเครียดอย่างเรื้อรังด้วยละก็ มันก็ยิ่งส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ได้มากมายนับไม่ถ้วนเลยล่ะ แล้วอยากรู้กันไหมคะว่าความเครียดและความวิตกกังวลทำร้ายสุขภาพของเราได้อย่างไรบ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำข้อมูลเกี่ยวกับผมกระทบของความเครียดและความวิตกกังวลมาเล่่าสู่กันฟังจากเว็บไซต์ huffingtonpost.com ค่ะ รับรองถ้าคุณรู้แล้วจะไม่อยากเครียดอีกเลยแน่นอน

เมื่อร่างกายของเราเข้าสู่ภาวะความเครียด ร่างกายของเราก็จะเกิดความผิดปกติในการทำงาน ทำให้ร่างกายทำงานด้อยประสิทธิภาพลง ซึ่งอาจจะสังเกตให้เห็นได้ตั้งแต่อาการเพียงเล็กน้อย จนถึงอาการที่หนักหนา ยิ่งความเครียดสะสมมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น โดยเมื่อร่างกายของเราเผชิญหน้ากับความเครียด ก็จะะส่งผลดังนี้

ผลกระทบสุดแย่ ที่เกิดเพราะแค่คุณเครียด

คอแห้ง

           หลายคนคงเคยรู้สึกว่าทำไมเวลาที่เครียดถึงรู้สึกว่าคอแห้งเหลือเกิน เวลาจะพูดคุยกับใครก็รู้สึกว่าเสียงตัวเองแหบแห้ง ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเมื่อร่างกายของเราเกิดความเครียด กล้ามเนื้อบริเวณลำคอของเราจะเกิดการหดตัว และน้ำบริเวณนี้จะโยกย้ายไปอยู่ที่ส่วนอื่นของร่างกาย ทำให้คอของเราแห้งและกลืนอาหารหรือน้ำได้ลำบากนั่นเองค่ะ

ปฏิกิริยาต่อตับ

           เมื่อเกิดความเครียด ตับของเราก็จะทำงานผิดปกติทำให้ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่เรียกว่าฮอร์โมนความเครียด โดยเจ้าฮอร์โมนชนิดนี้เป็นต้นเหตุทำให้ตับผลิตน้ำตาลกลูโคสมากขึ้น ซึ่งน้ำตาลชนิดนี้ให้พลังงานสูง แม้ว่าจะสามารถดูดซึมกลับได้โดยไม่เกิดความเสียหายใด ๆ ในร่างกาย แต่มันก็เพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานที่จะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเช่นเดียวกันค่ะ

ปฏิกิริยาต่อผิวหนัง

           ความเครียดส่งผลทำให้เราเหงื่อออกได้แม้จะอยู่ในอากาศที่เย็นก็ตาม นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้แก้มของเราแดงระเรื่ออีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งคิดว่าคนที่หน้าแดงนั้นเป็นเพราะเขาเขินนะคะ แต่อาจจะเป็นเพราะเขากำลังเครียดอยู่ก็ได้ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากระบบไหลเวียนของเลือดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เลือดถูกผลักดันไปที่กล้ามเนื้อมากจนเกินไป และถ้าหากเกิดความเครียดเรื้อรังก็จะส่งผลทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำและแก่ก่อนวัยได้ นอกจากนี้ การศึกษาของศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ยังพบอีกว่า ความเครียดและความวิตกกังวลอาจนำมาสู่โรคผิวหนังอักเสบได้อีกด้วย

ม้ามทำงานอย่างหนัก

           ความวิตกกังวลไม่ได้แค่เพียงส่งผลต่อสมองและหัวใจเท่านั้น แต่มันยังส่งผลเสียต่อการทำงานของม้ามและเซลล์เม็ดเลือดของเราอีกด้วย ซึ่งความเครียดจะส่งผลให้ม้ามหลั่งเซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาในจำนวนมหาศาล และทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นถึง 300 - 400%

กล้ามเนื้อตึง

           เมื่อเราเริ่มรู้สึกวิตกกังวล กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะเริ่มตึงเครียดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าหากเกิดความเครียดเรื้อรังก็อาจส่งผลทำให้เกิดอาการปวดหัว ไหล่แข็งและปวดคอ หรือแม้แต่อาการปวดไมเกรน นอกจากนี้ผู้ที่มีความเครียดเรื้อรังก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติอย่างเรื้อรังของกล้ามเนื้อได้

ผลกระทบสุดแย่ ที่เกิดเพราะแค่คุณเครียด

           นอกจากนี้ความเครียดและความวิตกกังวลถ้าหากเกิดขึ้นเรื้อรัง ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่อันตรายมากขึ้นได้ โดยส่งผลต่อร่างกายดังนี้

ต่อหัวใจ

           ความเครียดหรือความวิตกกังวลที่เรื้อรังส่งผลให้เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราการเต้นของหัวใจ  รวมถึงโรคความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนความเครียดที่มีมากเกินไป โดยสมาคมจิตวิทยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยอีกว่า ความเครียดในระยะยาวเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดได้

ต่อปอด

           การศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซาเปาโลแสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดและวิตกกังวลกับโรคหอบหืด และผู้ที่เป็นโรคหอบหืดก็มีแนวโน้มที่จะพบกับอาการหวาดผวาได้อีกด้วย ซึ่งในการศึกษาพบว่าความเชื่อมโยงของความเครียดที่เรื้อรังและโรคหอบหืดมีผลกระทบอยู่ในอัตราส่วนที่สมดุลกัน นอกจากนี้ยังทำให้การทำงานของระบบทางเดินหายใจอ่อนแอลงด้วยค่ะ

ผลกระทบสุดแย่ ที่เกิดเพราะแค่คุณเครียด

ต่อสมอง

           สมองเป็นอวัยวะที่จะได้รับผลกระทบจากความเครียดเรื้อรังมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจหรือกายภาพ ซึ่งความเครียดเรื้อรังสามารถส่งผลต่อความจำไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว รวมทั้งการผลิตสารเคมีในสมอง นอกจากนี้ความเครียดระยะยาวยังทำให้ระบบประสาททำงานหนักขึ้น จนร่างกายเกิดความเมื่อยล้าและอาการปวดต่าง ๆ ได้ และความเครียดที่เรื้อรังยังกระทบต่อการนอนหลับทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอค่ะ

ต่อระบบภูมิคุ้มกัน

           ความเครียดไม่เพียงส่งผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันด้วยเช่นกัน โดยการศึกษาพบว่าเมื่อคนเราเครียด ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นไข้หวัดได้ง่ายขึ้น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการอักเสบได้มากขึ้น

ต่อระบบย่อยอาหาร

           อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย หรือภาวะเครียดลงกระเพาะ อาการเหล่านี้เป็นผลกระทบมาจากความเครียด ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงในระยะยาวต่อระบบลำไส้ได้ ทำให้การดูดซึมและการย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร และเป็นสาเหตุภาวะลำไส้แปรปรวนได้ 

ข่าวเด่นประจำวัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ เดือน สิงหาคม 2559

เรื่องที่ 1เทคนิคในการฝึก EQ ให้ลูก

*หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์  ตำหนิ บั่นทอนให้เด็กเสียขวัญและกำลังใจ

*ค่อยๆอธิบายด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความใจเย็นและอดทน  ให้คำชมสิ่งที่เด็กทำได้ดี

*หลีกเลี่ยงการเข้าข้างฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ตามความรู้สึกของเด็ก

*อย่านำแนวทางแก้ไขปัญหาของตนไปตัดสินให้เด็กยอมรับและถือปฏิบัติจนมากเกินไป

*เคารพในความคิดและเหตุผลของเด็ก

*นำเอาอารมณ์ทางลบมาเป็นข้อคิด เตือนสติเตือนใจให้กับเด็ก  อาจให้เห็นตัวอย่างของชีวิตจริง  หรือในบทภาพยนตร์  ละคร

* ฝึกให้เด็กรู้จักขอโทษเมื่อทำผิด และรู้จักมารยาททางสังคม

 

เรื่องที่ 2ทำงานอย่างไรให้มีความสุข
                                     ข้อคิดจาก
ท่าน ว.วชิรเมธี

    1. ทำงานที่ใจรัก เพราะถ้าเราทำงานที่ใจรักทุกๆวันจะเป็นวันแห่งความสุข

    2. ทำงานทุกชิ้นให้เต็มที่ให้ดีที่สุด

    3. ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส  เพื่อไม่ระแวงภัยที่จะตามมาในอนาคต

    4. อย่ามัวแต่ทำงานจนหลงลืมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อก่อให้เกิดสภาวะที่ดีงานก็สำเร็จ

    5 การมองเชิงบวก เมื่องานที่ทำไม่มีสิ่งที่เราชอบเราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี

    6. ใช้ทางสายกลาง ในการทำงานและการดำรงชีวิต              50-50 คืออย่ามัวแต่ทำงาน ให้สังเกตคุณภาพชีวิตด้วย อย่าทำงานจนป่วยตาย

    7. เวลาที่เรารู้สึกแย่ มองคนที่แย่กว่าเรา แล้วเราจะรู้สึกว่าเรายังได้เปรียบอยู่

    8. วิธีการแก้ปัญหาในที่ทำงาน ทั้งการโดนนินทา โดนแกล้ง ให้ถือซะว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด เวลาที่เราทำงานต้องมีอยู่แล้วคนแกล้งคนไม่พอใจคนอิจฉาให้เราถือหลักว่า

       1. มารไม่มีบารมีไม่เกิด

       2. สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นกำไรเสมอ

       3. อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน เกิดเป็นคนอย่ากลัวคำนินทา

       4. ถูกชมก็เข้าท่าถูกด่าก็ไม่เลว เหล่านี้เป็นคติที่พระอาจารย์ใช้ทำงานอยู่เสมอ จึงสามารถรับมือได้ทุกกระบวนท่า

 

ข่าวเด่นประจำวัน

 

concen

ป้องกันความเครียด/ภาวะซึมเศร้า/โรคซึมเศร้าอย่างไร?

ป้องกันความเครียด/ภาวะซึมเศร้า/โรคซึมเศร้าได้ดังนี้

  1. ตระหนักรู้ในตนเอง รู้จักว่าอารมณ์ตนเองเป็นอย่างไร ยอมรับตามอารมณ์ที่ตนเองเป็น (หากปฏิเสธอารมณ์ตนเองตามความเป็นจริงมักจะเกิดความขัดแย้งในใจ เกิดความเครียดและซึมเศร้าได้)
  2. ฝึกจัดการอารมณ์ตนเองอย่างเหมาะสม มนุษย์ทุกคนล้วนมีอารมณ์กันทั้งนั้น การรู้เท่าทันอารมณ์อย่างเดียว บางรายอาจอดทนได้ไม่พอ ทำให้เกิดความเครียดหรือซึมเศร้าได้ การจัดการอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดจะทำให้ไม่มีขยะทางอารมณ์คั่งค้างเช่น โกรธก็รู้อารมณ์และอาจไปปล่อยอารมณ์เชิงสร้างสรรค์จากการทำงานบ้าน คุยกับเพื่อน เป็นต้น
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นการเตรียมพร้อมกายและใจเพื่อรองรับสภาวะอารมณ์ที่เครียดและซึมเศร้าในอนาคต และสามารถจัดการอารมณ์ได้ง่ายขึ้น
  4. การพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งการที่นอนไม่หลับ ร่างกายและสมองจะเกิดความเครียด และทำให้เกิดการเหนื่อยล้าทางกายและใจ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้ชีวิตต่ำลงได้ ดังนั้น การนอนอย่างเพียงพอสำคัญมากในการป้องกันความเครียด
  5. ครอบครัวและเพื่อน คือบุคคลที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด หากเกิดสภาวะเครียดเล็กน้อย ก็ควรมีการพูดคุยเพื่อไม่ให้สะสมจนกลายเป็นความเครียดเรื้อรังได้
  6. หางานอดิเรกทำ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ตนเองมีความสุข และเป็นการเตรียมตัวเองเอาไว้ หากเครียด จะได้มีวิธีทำให้ตนเองมีความสุข งานอดิเรกเช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นคอมพิว เตอร์ ร้องเพลง เต้นรำ อ่านหนังสือ ฯลฯ
  7. ท่องเที่ยวหาเวลาพักผ่อนไปท่องเที่ยวตามสมควรแล้วแต่ความพร้อมเช่น อย่างน้อยเดือนละครั้ง เข้าหาธรรมชาติ ทะเล น้ำตก ภูเขา ฯลฯ
  8. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่เป็นประโยชน์เช่น แอลกอฮอล์ สารกระตุ้นประสาท เป็นต้น อาหารบางอย่างทำให้เกิดการบำรุงสมองได้ทำให้ไม่เครียดเช่น กล้วย บล็อกโคลี่ ผักโขม นม ธัญพืช ส้ม เป็นต้น 

Subcategories

  • ข่าวประชาสัมพันธ์

    ความเครียด!!!

    วามเครียด เป็นภาวะของอารมณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้น กดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ

    ลกระทบที่ได้จากความเครียด
       
    -
    ด้านร่ายกาย เช่น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปวดหลัง เป็นต้น
        - ด้านอารมณ์ เช่น ส่งผลให้ขี้หงุดหงิด ซึมเศร้า รู้สึกท้อแท้ อ่อนไหวได้ง่าย เป็นต้น
        - ด้านพฤติกรรม เช่น มีปัญหาด้านการกิน นอนไม่หลับ แยกตัวออกจากสังคม เป็นต้น

    าเหตุของความเครียด
        1.จากตัวเอง
           อคติ รับผิดชอบงานไม่ตรงความสามารถ ภาวะกดดันการทำงานในระยะเวลาจำกัด ปัญหาครอบครัว
        2.สภาพแวดล้อมในการทำงาน
           ปริมาณงานมาก ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในที่ทำงานไม่ดี งานมีระเบียบมากไป งานไม่มีความมั่นคงก้าวหน้า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดี

  • ข่าวเด่นประจำวัน

    วามเครียด เป็นภาวะของอารมณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้น กดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ

    ลกระทบที่ได้จากความเครียด
       
    -ด้านร่ายกาย เช่น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปวดหลัง เป็นต้น
        - ด้านอารมณ์ เช่น ส่งผลให้ขี้หงุดหงิด ซึมเศร้า รู้สึกท้อแท้ อ่อนไหวได้ง่าย เป็นต้น
        - ด้านพฤติกรรม เช่น มีปัญหาด้านการกิน นอนไม่หลับ แยกตัวออกจากสังคม เป็นต้น

    าเหตุของความเครียด
        1.จากตัวเอง
           อคติ รับผิดชอบงานไม่ตรงความสามารถ ภาวะกดดันการทำงานในระยะเวลาจำกัด ปัญหาครอบครัว
        2.สภาพแวดล้อมในการทำงาน
           ปริมาณงานมาก ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในที่ทำงานไม่ดี งานมีระเบียบมากไป งานไม่มีความมั่นคงก้าวหน้า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดี

คลังเอกสารคุณภาพฝ่ายการพยาบาล

2-10-2566 10-28-57

Zo2 Framework Settings

Select one of sample color schemes

Google Font

Menu Font
Body Font
Heading Font

Body

Background Color
Text Color
Link Color
Background Image
 
Top of Page