ZT Maju - шаблон joomla Продвижение

คุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่

คุณ...เป็นโรคซึมเศร้าหรื่อไม่ !!!!

748-6426208617511057112

ข่าวเด่นประจำวัน

แผนกจิตเวชเข้ารับการตรวจเยี่ยม HA

HA

ข่าวเด่นประจำวัน

dream7

9 ฝันร้ายทำนายได้ ลึก ๆ ในจิตใจ มีความผิดปกติอะไรซ่อนอยู่

ทำนายฝัน

           ในบางครั้งฝันร้ายอาจไม่ใช่แค่ลางบอกเหตุ แต่เป็นจิตใต้สำนึกลึก ๆ ในใจที่สะท้อนออกมาว่าเรากำลังมีปัญหาทางสุขภาพจิตไม่มากก็น้อย

           ฝันร้าย อยู่บ่อย ๆ จนทำให้นอนไม่หลับ หากใครกำลังเจอปัญหานี้ อยากให้ลองมาทำนายฝันกันอีกทีเพื่อเช็กสุขภาพจิตในเบื้องต้นดูก่อน เพราะจริง ๆ แล้วปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวเราเลยค่ะ และขอชี้แจงให้เข้าใจตรงกันก่อนด้วยว่า คนที่มีปัญหาสุขภาพจิตไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่กำลังประสบภาวะเครียดมาก หรืออาจมีความกังวลกับบางเรื่องจนกระทบกับสภาวะทางด้านจิตใจก็เป็นได้ ซึ่งเราสามารถเช็กอาการเบื้องต้นเองง่าย ๆ จากการทำนายฝันตามนี้เลย
 
ทำนายฝัน

1. ฝันว่าโดนไล่ล่า
    
           หากมักจะฝันว่าถูกตามล่า หรือในฝันเห็นตัวเองวิ่งหนีอะไรสักอย่างแบบสุดชีวิต ทว่าสุดท้ายก็เหมือนจะหนีไม่พ้น ทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังวิ่งหนีอะไร 

           ทำนายฝัน : ในทางจิตวิทยาหมายความว่า คุณอาจกำลังมีปัญหาชีวิตด้านความรัก อดีตที่ฝังใจ หรือปัญหาการงานใด ๆ ที่ไม่สามารถสลัดให้หลุดพ้นได้ในตอนนี้ ซึ่งเรื่องที่กำลังกังวลอยู่ก็รบกวนจิตใจคุณมาก ๆ จนสมองสั่งให้มาระบายความเครียดเป็นความฝันดังกล่าว

           วิธีแก้ : ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Addictive Behaviors เมื่อปี 2003 เสนอวิธีแก้ฝันร้ายแนวนี้มาว่า หนทางเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เกิดฝันร้ายเรื่องเดิม ๆ ซ้ำอีกครั้ง คือการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงให้เรียบร้อย หรือถ้าเป็นเรื่องที่เกินกว่าความสามารถเราจะแก้ไขได้ การเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัญหาอย่างมีสติจะช่วยลดความตึงเครียดและความวิตกกังวลในใจของเราได้

ทำนายฝัน

2. ฝันว่าฟันหลุด ฟันโยก

    
           ฝันว่าฟันหลุดเป็นซี่ ๆ ฟันร่วงกราวเหมือนโดมิโน่ หรือในฝันเห็นว่าฟันตัวเองแตก มีสภาพไม่เหมือนเดิม 

           ทำนายฝัน : ฟันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นใจ และพลังของตัวเรา ซึ่งหากฝันว่าเกิดความผิดปกติกับฟันจนน่าตกใจ ในทางจิตวิทยาทำนายว่า ตัวคุณเองกำลังรู้สึกสั่นคลอน เหมือนขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะหากความไม่มั่นใจนั้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก มีเหตุการณ์บางอย่างหรือใครบางคนทำให้รู้สึกเช่นนั้น ความฝันเหล่านี้มักจะโผล่มาให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ

           วิธีแก้ : มีการศึกษาชิ้นหนึ่งกล่าวว่า การแกล้งทำเป็นเหมือนมั่นใจในตัวเองจะนำพาให้ความมั่นใจเกิดขึ้นกับเราจริง ๆ ดังเช่นผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่แสดงให้เห็นว่า การแสดงออกถึงความมั่นใจ เช่น การเดินหลังตรง เชิดหน้าขึ้นเล็ก ๆ หรือการมองสบตาคู่สนทนาแบบตรง ๆ ภาษากายเหล่านี้จะสื่อไปถึงสมอง ส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความรู้สึกมั่นใจและเพิ่มความรู้สึกแข็งแกร่งออกมา เป็นการเรียกคืนความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แล้วฝันร้ายทำนองนี้ก็จะลางเลือนไปในที่สุด

ทำนายฝัน

3. ฝันว่าอยากเข้าห้องน้ำหนักมาก แต่หาห้องน้ำไม่เจอ
    
           ใครมักจะฝันว่าปวดปัสสาวะ ปวดถ่ายหนักมาก ๆ แต่วิ่งหาห้องน้ำเท่าไรก็ไม่เจอ หรือไม่ก็เจอห้องน้ำแต่เป็นห้องน้ำที่ไม่สามารถใช้งานได้ สุดท้ายก็ต้องทนอั้นอยู่อย่างนั้นจนสะดุ้งตื่น

           ทำนายฝัน : ความฝันในลักษณะนี้ทางหลักจิตวิทยาจะหมายถึงการแสดงออกของภาวะกดดันที่อยู่ลึก ๆ ในจิตใจ การต้องเผชิญกับสถานการณ์อะไรก็ตามที่เราต้องตกเป็นฝ่ายรอง เป็นภาวะจำยอมที่จริง ๆ แล้วคุณอยากหลุดพ้นใจจะขาด หรือเป็นภาวะความรู้สึกของการต้องเก็บกดอารมณ์ความต้องการที่แท้จริงเอาไว้กับตัวเงียบ ๆ เช่น การมีเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่ชอบเอารัดเอาเปรียบ การจมอยู่กับความรู้สึกอยากผอมแต่ไม่ยอมลดความอ้วนสักที เป็นต้น

           วิธีแก้ : นักจิตวิทยาแนะนำว่า หากต้องตกอยู่ในสภาวะดังกล่าว ลองพิจารณาดูว่าคุณสามารถพลิกสถานการณ์ให้เป็นคนคุมเกม หรืออย่างน้อย ๆ จะทำอะไรบางอย่างเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเองได้ไหม เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่มองข้ามความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง แต่กลับเลือกใช้ชีวิตตามความต้องการของคนอื่น ซึ่งเป็นการนำพาตัวเองมาสู่ภาวะกดดันโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว ฉะนั้นการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือการเอาชนะใจตัวเองให้ได้เสียก่อน

ทำนายฝัน

4. ฝันว่าตัวเองเดินแก้ผ้า
    
           ในฝันจะเห็นตัวเองยืนโป๊เปลือยอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่เหมือนจะไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น ๆ ทว่าในฝันนั้นคุณรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก ๆ 

           ทำนายฝัน : คุณกำลังหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร หรือกำลังทำอะไรอยู่ แต่อีกนัยหนึ่งอาจหมายถึงความหวาดกลัวจะถูกเปิดโปง หรือความกดดันจากการถูกใส่ร้าย โดนคนอื่นเข้าใจตัวคุณเองแบบผิด ๆ หรือหากในฝันคุณเห็นคนรู้จักยืนโป๊เปลือย นั่นอาจหมายความว่า ลึก ๆ แล้วคุณกลัวเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ซึ่งเป็นด้านที่คุณไม่อยากจะรับรู้ออกมา

           วิธีแก้ : การเปิดใจพูดคุยกับใครสักคนอย่างหมดเปลือกจะช่วยให้คุณแก้ปัญหานี้ได้ หรืออย่างน้อยความกังวลในใจก็จะเบาบางลงไปในที่สุด

ทำนายฝัน

5. ฝันว่าทำข้อสอบไม่ได้
    
           เป็นฝันที่ย้อนช่วงเวลาไปยังตอนทำข้อสอบ ในฝันนั้นคุณรับรู้ได้ว่าตัวเองไม่พร้อมกับการทำข้อสอบมาก ๆ หรือจู่ ๆ ก็พบว่าคุณครูเรียกให้สอบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมา ก่อให้เกิดความกังวลใจว่าจะทำข้อสอบไม่ได้แน่ ๆ

          ทำนายฝัน : นักจิตวิทยาจะเดาก่อนว่าคนที่ฝันแนว ๆ นี้น่าจะเป็นคนที่รักความสมบูรณ์แบบขั้นสุด และเขากำลังรู้สึกเป็นกังวลถึงขีดความสามารถของตัวเองอย่างรุนแรง หรือบางคนอาจฝันทำนองนี้เนื่องจากรู้สึกเครียดมาก ๆ ก็เป็นได้

          วิธีแก้ : ลองหาวิธีคลายเครียดให้ตัวเองสักหน่อย หรือไม่ก็อยู่ห่างจากสิ่งที่ทำให้เครียดไปสักพัก นอกจากนี้ควรพยายามทำใจยอมรับความผิดพลาดและความล้มเหลวให้ได้ เพื่อลดภาวะกดดันตัวเองจนเครียดเกินไป

ทำนายฝัน

6. ฝันว่าบินได้
    
           ไม่ว่าจะฝันว่าตัวเองนอนหลับบนเครื่องบิน หรือฝันว่าบินอยู่เหนือท้องฟ้าแข่งกับซูเปอร์แมนจริง ๆ ก็ตาม แสดงว่าลึก ๆ แล้วคุณรู้สึก...

           ทำนายฝัน : ขาดความมั่นใจในตัวเอง หรือเป็นความกดดันจากการถูกกีดกัน ถูกขัดขวางให้ทำอย่างที่ใจอยากทำไม่ได้ คล้าย ๆ จะเป็นความรู้สึกขัดอกขัดใจอย่างรุนแรง หรืออีกนัยอาจเป็นความรู้สึกอยากมีอิสระ อยากมี อยากเป็นมากกว่าที่มี ที่เป็นอยู่ในตอนนี้

           วิธีแก้ : การโฟกัสอะไรเพียงสิ่งเดียวอาจทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะมองเห็นสิ่งอื่น ๆ ก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจไม่ถนัดในบางสิ่ง ไม่เก่งในบางเรื่อง แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ได้เรื่องสักอย่างนี่นา เพราะคุณอาจมีความสามารถในด้านอื่น ๆ ที่คุณยังไม่เคยค้นพบตัวเองเลยก็ได้ ดังนั้นอย่ามัวแต่มองไปที่เป้าหมายเดียว ไม่ลองหาทางเลือกอื่น ๆ ให้ชีวิตดูบ้างล่ะ

ทำนายฝัน

7. ฝันว่าตกจากที่สูง
    
           ฝันว่าเดินตกบันได ตกเหว หรือพลาดตกตึก แล้วสะดุ้งตื่น

           ทำนายฝัน : การฝันว่าตกจากที่สูงสามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะ คือ อาการนอนกระตุก ซึ่งเป็นภาวะการกระตุกของกล้ามเนื้อในช่วงที่เราหลับ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กับการฝันว่าตกจากที่สูงเนื่องจากภาวะเครียดจากการรอคอยอะไรบางอย่าง รวมทั้งความกังวลในสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ หรืออาจเป็นเพราะชีวิตช่วงนี้กำลังขาดความมั่นคงอย่างหนัก เช่น กำลังจะตกงาน กำลังหางานใหม่ หรือต้องเจอกับสถานการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา เป็นต้น

           วิธีแก้ : American Psychological Association แนะนำให้เปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเองได้เจอกับอะไรใหม่ ๆ การหากิจกรรมสนุก ๆ ทำ อย่างไปมีทติ้งกับเพื่อนฝูง เพื่อเบี่ยงเบนให้ตัวเองลดความคาดหวังที่มีอยู่ลงบ้างไม่มากก็น้อย หรือหากอาการยังไม่ดีขึ้น ยังฝันร้ายติด ๆ กัน แนะนำให้ไปปรึกษาจิตแพทย์จะดีที่สุด

ทำนายฝัน

8. ฝันว่าควบคุมรถไม่ได้ ฝันว่าเกิดอุบัติเหตุกับรถ
    
           ในฝันจะเหมือนเราขับรถแล้วเบรกไม่อยู่ ทำยังไงก็หยุดรถไม่ได้ และในที่สุดรถก็เกิดอุบัติเหตุจนสะดุ้งตื่น

           ทำนายฝัน : ในทางจิตวิทยา รถจะเปรียบกับหางเสือของการดำเนินชีวิต หากในฝันเราไม่สามารถควบคุมรถได้ กำหนดเส้นทางที่จะไปไม่ได้ นั่นก็สะท้อนให้เห็นว่าคุณเองก็รู้สึกว่าช่วงนี้ชีวิตไม่เข้ารูปเข้ารอย อะไรก็ไม่เป็นดั่งใจไปซะหมด เหมือนเราไม่สามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นปกติสุขได้เลย ซึ่งนั่นแปลได้ว่าคุณกำลังขาดความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้

           วิธีแก้ : หากอับจนหนทางไม่รู้จะแก้ปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นอย่างไร การได้เข้าไปปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์จะช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีลดความเครียดของตัวเองได้อย่างถูกต้อง

ทำนายฝัน
ภาพจาก pexels.com

9. ฝันว่าตื่นสาย ไปไม่ทันนัด 
    
           ในชีวิตจริงคุณอาจเป็นคนตรงต่อเวลา แต่ในฝันกลับพบว่าตัวเองไปทำงานสาย โดนเจ้านายดุ หรือไปนัดเพื่อนเลทมาก ๆ จนน่าเกลียด และในฝันนั้นคุณก็รู้สึกวิตกกังวลมากเลยทีเดียว

           ทำนายฝัน : ความฝันในทำนองนี้ส่อถึงความวิตกกังวลของคนที่กำลังจะเจอเรื่องใหม่ ๆ ความวิตกกังวลในสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตมาก่อน รวมไปถึงความไม่มั่นใจในตัวเองด้วย ยกตัวอย่างเช่น กำลังจะเริ่มงานใหม่ในวันรุ่งขึ้น คืนนี้คุณจึงฝันว่าตัวเองไปทำงานสาย หรือวันพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญมาก ๆ ก็มักจะฝันแบบนี้กันบ่อย ๆ

           วิธีแก้ : สงบจิตสงบใจตัวเองให้ดี และพยายามแชร์ความตื่นเต้น ความวิตกกังวลกับคนรอบข้าง เพื่อเป็นการบรรเทาความกังวลที่มีอยู่ไปในตัว

           นอกจากสภาวะทางจิตใจที่ไม่ค่อยมั่นคงแล้ว การที่เรานอนฝันร้ายอาจเป็นเพราะพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองด้วยนะคะ เช่นนี้เป็นต้น

ข่าวเด่นประจำวัน

Cyberbullying ภัยบนโลกออนไลน์ ทำร้ายวัยรุ่นได้ง่ายกว่าที่คิด !

Cyberbullying

          ภัยร้ายใกล้ตัวอย่าง Cyberbullying อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่อยากให้ผู้ปกครองใส่ใจบุตรหลานให้มากขึ้น ก่อนเป็นเหยื่อที่ถูกรังแกผ่านโลกโซเชียล

    
          โลกออนไลน์เข้าถึงได้ง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะ โดยเฉพาะเมื่อมีโซเชียลมีเดียซึ่งใคร ๆ ก็เข้าถึงได้แม้ไม่มีคอมพิวเตอร์ แค่เพียงสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์เพื่อกดเปิดแอปพลิเคชันก็สามารถย่อทุกความไกลห่างให้เชื่อมต่อกันได้ภายในเสี้ยววินาที แต่เทคโนโลยีแบบนี้ก็เหมือนดาบสองคม ที่มีช่องโหว่ให้เกิด Cyberbullying หรือการรังแกในโลกออนไลน์ของเด็กและเยาวชน ซึ่งอาจทำผู้ที่ถูกรังแกเสียสุขภาพจิตและอาจยกระดับเป็นโรคซึมเศร้าได้ 
    

          ฉะนั้นคงดีกว่าหากเราจะมาทำความเข้าใจว่า Cyberbullying คืออะไร และมีหนทางที่เราจะป้องกันการรังแกบนโลกออนไลน์ไม่ให้กระทบกับจิตใจบุตรหลานหรือตัวเราเองได้ยังไงบ้าง
 
Cyberbullying

Cyberbullying คืออะไร ?


          Cyberbullying คือ การรังแกของเด็กและเยาวชนในยุคไฮเทค เป็นกรณีพิพาทระหว่างเด็กกับเด็กด้วยกัน โดยที่ใช้เครื่องมือสื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม แชท หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นเครื่องมือหลักในการรังแกและกลั่นแกล้งกัน โดยการกลั่นแกล้งนี้สามารถทำได้ 24 ชั่วโมง ต่างจากสมัยก่อนที่เด็ก ๆ จะรังแกกันได้ในโรงเรียนหรือแบบซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น 
    
Cyberbullying เป็นการกลั่นแกล้งกันแบบไหน ?

          การกลั่นแกล้งกันในโลกออนไลน์ สามารถแตกประเด็นออกไปได้ 6 รูปแบบดังนี้

1. การโจมตี ขู่ทำร้าย หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย

          การโพสต์ด่าทอ พูดจาส่อเสียด ให้ร้าย หรือขู่ทำร้าย ผ่านช่องทางการสนทนา หรือโพสต์อย่างโจ่งแจ้งที่หน้าโซเชียลมีเดียของผู้ถูกกระทำ เช่น แชทเฟซบุ๊กหรือไลน์มาว่าจะดักทำร้าย เมื่อเจอหน้ากันที่โรงเรียนหรือที่ไหนก็ตาม เป็นต้น

2. การคุกคามทางเพศแบบออนไลน์


          โดยการพูดจาคุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดีย การบังคับให้แสดงกิจกรรมทางเพศผ่านกล้อง การส่งภาพหรือวิดีโอโป๊เปลือยมาให้โดยที่ผู้รับไม่ได้ต้องการ การแฉหรือตัดต่อภาพโป๊เปลือยไปโพสต์ในโซเชียลเพื่อให้ได้รับความอับอาย เป็นต้น

3. การแอบอ้างตัวตนของผู้อื่น

          โดยเฉพาะกรณีเปิดเผยรหัสผ่านของโซเชียลให้ผู้อื่นรู้ ยกตัวอย่างเช่น ให้เพื่อนสมัครเฟซบุ๊กหรือไลน์ให้ เคสนี้ก็อาจโดนรังแกด้วยการถูกสวมรอยใช้เฟซบุ๊กของตัวเองโพสต์ข้อความหยาบคาย ให้ร้ายบุคคลอื่น โพสต์รูปโป๊ คลิปวิดีโอลามก หรือสร้างความเสียหายในรูปแบบต่าง ๆ

4. การแบล็กเมล์กัน
    
          โดยนำความลับหรือภาพลับของเพื่อนมาเปิดเผยผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีการแชร์ต่อกันไปอย่างกว้างขวาง หรือการใส่ร้ายป้ายสี เช่น ตัดต่อรูปภาพน่าเกลียด ๆ หรือการแอบถ่ายภาพหลุดที่น่าขำมาโพสต์ประจาน และแสดงความคิดเห็นอย่างสนุกสนานเกินเลย

5. การหลอกลวง
    
          มีทั้งการหลอกลวงให้หลงเชื่อ ให้ออกมานัดเจอเพื่อทำมิดีมิร้าย หรือการหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ด้วยวิธีการต่าง ๆ 

6. การสร้างกลุ่มในโซเชียลเพื่อโจมตีโดยเฉพาะ

          อย่างที่เราเห็นคนตั้งเพจแอนตี้ โจมตีบุคคลหนึ่งขึ้นมา มีการจับผิดทุกอิริยาบถ แล้วนำมาถกประเด็นให้เกิดความเสียหายต่อคนที่ตัวเองไม่ชอบ หรืออาจมีการโน้มน้าวให้คนอื่นรู้สึกรังเกียจ และกีดกันให้ออกจากกลุ่ม จากสังคมที่อยู่

          ทั้งนี้การกระทำที่เข้าข่าย Cyberbullying จะเกิดจากเจตนาที่มุ่งร้ายให้อับอาย เจ็บใจ และเสียใจ ดังนั้นการกลั่นแกล้งกันบนโลกออนไลน์จึงมักจะเป็นการกระทำซ้ำ ๆ ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวแล้วเลิกนะคะ

Cyberbullying

Cyberbullying สาเหตุคืออะไร

          สาเหตุของการเกิด Cyberbullying มีทั้งเริ่มจากความขัดแย้งเล็ก ๆ ระหว่างเด็กกับเด็ก ความหมั่นไส้กัน หรือมีกรณีพิพาทเรื่องชู้สาว อันเป็นชนวนของการรังแกกันต่อในโลกออนไลน์ เนื่องจากพื้นที่บนโลกออนไลน์ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ด้วยเหตุนี้จึงมีความกล้าที่จะรังแกกันมากขึ้น
    
          นอกจากนี้เด็ก ๆ ยังเข้าใจว่าโซเชียลคือพื้นที่ระบายความรู้สึก ถ้อยคำที่ใช้โพสต์ หรือพฤติกรรมในการกลั่นแกล้งกันจึงออกแนวรุนแรง แสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเทคโนโลยียังเอื้อให้การทำร้ายกันผ่านโซเชียลเป็นเรื่องง่าย แค่พิมพ์ข้อความไป ไม่ต้องเสียกำลังอะไรก็โพสต์เสียดสีหรือสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้แล้ว 

Cyberbullying ใครเสี่ยงบ้าง

    
          ข้อมูลจากชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทยเผยว่า จากการสำรวจเด็กในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า มีเด็กราว ๆ 48% ที่อยู่ในวงจร Cyberbullying โดยอาจเป็นทั้งผู้กระทำ ผู้ถูกกระทำ หรือเป็นเพียงผู้ที่พบเห็นการรังแกกันผ่านโลกโซเชียล และเด็กส่วนใหญ่อยู่ในชั้นมัธยมต้น
    
          อย่างไรก็ตาม แม้สื่อสังคมออนไลน์จะระบุอายุของผู้ใช้งานไว้ที่ 13 ปี เหมาะสมตามที่ชมรมจิตเวชเด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ ทว่าก็มีเด็กอายุต่ำกว่ากำหนดจำนวนไม่น้อยที่โกงอายุตัวเองเพียงเพื่อให้สมัครเข้าใช้โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้ ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปียังไม่สมควรใช้สื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ เพราะเสี่ยงที่จะได้รับข้อมูลอันตราย อีกทั้งเด็กยังไม่อยู่ในวัยที่จะมีทักษะควบคุมหรือป้องกันตัวเองจากการกลั่นแกล้งเหล่านี้ได้ และอาจตกเป็นเหยื่อ Cyberbullying ในที่สุด

Cyberbullying

พ่อแม่จะสังเกตอาการ Cyberbullying ได้อย่างไร
    
          ในฐานะผู้ปกครอง เราอาจสังเกตอาการ Cyberbullying ของบุตรหลานได้จากสัญญาณต่อไปนี้

          - มีอาการซึมเศร้า เครียด หรือมีความวิตกกังวล
          - เด็กกลายเป็นคนชอบเก็บตัว ไม่ค่อยพูดจา วัน ๆ เล่นแต่มือถือหรือแท็บเล็ต
          - ทำตัวห่างเหินจากคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนที่โรงเรียน
          - ไม่อยากไปโรงเรียน แอบหนีเรียนบ่อย ๆ 
          - การเรียนตกต่ำอย่างไม่ทราบสาเหตุ
          - เมื่อเจอคนพูดถึงเรื่องที่น่าอับอาย หรือสอบถามถึงสาเหตุของการไม่ไปโรงเรียน เด็กอาจมีอาการกรี๊ด ร้องไห้อย่างหนัก หรือสติหลุด

ผลกระทบจาก Cyberbullying มีอะไรบ้าง

          ผลกระทบจาก Cyberbullying ที่มีต่อเด็ก ๆ อาจมีตั้งแต่สร้างความรำคาญ ความเดือดเนื้อร้อนใจ บางคนรู้สึกเบื่อชีวิต ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากพบเจอใคร โดยมีเรื่องที่ถูกรังแกตามมาหลอกหลอนเป็นระยะ หรือบางรายอาจมีความเครียดอย่างหนัก ทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และอาจร้ายแรงถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ เป็นผลให้รู้สึกอยากฆ่าตัวตาย

          ส่วนคนที่เป็นฝ่ายรังแก อาจมีความรู้สึกไม่สบายใจหรือเกิดความรู้สึกผิดกัดกินใจในภายหลังได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี ผลกระทบจาก Cyberbullying ไม่ว่าจะต่อผู้รังแกหรือผู้ถูกรังแกนั้นจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับบุคลิกของแต่ละบุคคล รวมไปถึงทักษะการรับมือของแต่ละคนด้วย
 
Cyberbullying

วิธีป้องกัน Cyberbullying

          สำหรับการดูแลบุตรหลานไม่ให้เสี่ยง Cyberbullying ผู้ปกครองสามารถทำได้ดังนี้

          1. สอนลูก ๆ ว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ใครมาขอเป็นเพื่อนต้องตรวจสอบให้ดี หากไม่รู้จักก็ไม่ควรตอบรับคำขอเป็นเพื่อนนั้น 

          2. คอยสอดส่องว่าลูกจะไปไหน กับใคร หรือเพื่อนที่ลูกคุยด้วย แชทด้วยเป็นใคร 

          3. สอนลูกให้เก็บข้อมูลส่วนตัวของตัวเองให้ดี โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าและคนที่ไม่สนิทสนม ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอย่างชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมลส่วนตัว ที่สำคัญควรย้ำกับลูกว่าไม่ควรนัดเจอกันส่วนตัวกับเพื่อนในโลกออนไลน์โดยเด็ดขาด

          4. ควรกำหนดข้อตกลงกันก่อนที่จะอนุญาตให้ลูกใช้เครื่องมือสื่อสารและโซเชียลมีเดีย เพื่อให้พ่อแม่สามารถตรวจสอบได้ว่าลูกใช้โซเชียลมีเดียยังไง คุยกับใครบ้าง หรือมีความผิดปกติอะไรในนั้นหรือไม่

          5. พ่อแม่ควรสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับลูก เพื่อให้ลูกไว้วางใจมากพอจะบอกเล่าทุกเรื่องราวในชีวิตเขาได้ เมื่อมีปัญหาอะไรลูกจะได้กล้าขอคำปรึกษากับเรา

          อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเด็กที่ถูกรังแกผ่านโลกออนไลน์ก็ควรต้องมีสติในการใช้สื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ด้วย และอย่าลืมว่าเราสามารถลบข้อความที่สร้างความเสียหายกับเราได้ ทั้งยังสามารถบล็อกคนที่กลั่นแกล้งเราได้ หรือพาตัวเองออกจากสังคมออนไลน์ไปสักระยะ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ Cyberbullying ต่อไป

          ทั้งนี้ผู้ปกครองก็ควรสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลาน หากเขามีอาการหงุดหงิดหรือพฤติกรรมแปลกไปหลังเล่นโซเชียลมีเดีย อาจต้องเข้าไปพูดคุยและถามไถ่ถึงสาเหตุเหล่านั้น เป็นการช่วยแชร์ความรู้สึกแย่ ๆ จากสิ่งที่เขาเผชิญอีกทาง รวมทั้งพยายามพาเขาออกห่างจากโลกออนไลน์บ้าง เพื่อลดความเครียดนะคะ
    

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เฟซบุ๊ก ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย

ข่าวเด่นประจำวัน

640 1

10 วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงน้ำท่วมอ่าน

วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
ภาพจาก think4photop / Shutterstock.com 

          สถานการณ์น้ำท่วมจะเรียกว่าเป็นปัญหาระดับชาติก็ไม่ผิดนัก เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายในวงกว้างแล้ว ภาวะน้ำท่วมยังพาเอาจิตใจของผู้ประสบภัยเหี่ยวเฉาตามไปด้วย

          ช่วงนี้น้ำท่วมภาคใต้ ส่งผลให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใช้ชีวิตอย่างลำบาก จนอาจนำมาซึ่งภาวะเครียด เศร้าซึม และบางคนอาจกำลังมีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ ดังนั้นกระปุกดอทคอมจึงขอแนะนำวิธีดูแลสภาพจิตใจผู้ประสบภัยช่วงน้ำท่วม ซึ่งมีหลักและวิธีการดังต่อไปนี้ค่ะ

 
1. ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

          ไม่มีอะไรดีไปกว่าการยอมรับความเป็นจริง พยายามทำความเข้าใจว่าทุกสิ่งได้เกิดขึ้นแล้ว และไม่ใช่แค่เกิดกับเราเท่านั้น แต่เรายังมีผู้ร่วมชะตากรรมอีกนับไม่ถ้วน ซึ่ง ณ จุดนี้เราเข้าใจค่ะว่าอาจต้องใช้เวลานานสักหน่อยที่จะยอมรับสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ทว่าให้เวลาตัวเองรู้สึกท้อแค่เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้นก็พอ อย่าลืมว่าชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ และเราต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็งที่สุด

วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
ภาพจาก aphichato / Shutterstock.com 

2. ตั้งสติ จัดลำดับความสำคัญของชีวิต

          พยายามนั่งพักให้จิตใจสงบนิ่ง แล้วรวบรวมสติมองปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จากนั้นจึงจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เช่น แก้ปัญหาเฉพาะหน้า การอยู่ การกิน การนอน เรื่องการขับถ่าย รวมทั้งการป้องกันโรคและสัตว์มีพิษ เป็นต้น

3. หมั่นพูดคุยกับคนรอบข้าง

          การได้พูดคุยกับคนรอบข้างก็เป็นการระบายความรู้สึกที่อัดแน่นในใจเราออกไปได้ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังช่วยให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไปด้วยนะคะ หนำซ้ำยังอาจเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะยิ่งเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนบ้านที่สนิทชิดเชื้อ ก็อย่าลืมถามไถ่ทักทายกันบ่อย ๆ 

4. พยายามเข้าใจคนรอบข้างด้วย

          ในสถานการณ์วิกฤตอย่างที่เป็นอยู่ บางคนอาจเครียดจนมีพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิม หรือเด็ก ๆ อาจสติแตกด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งหากคนรอบข้างของเราเป็น ก็อย่ามีอารมณ์ร่วมตามไปด้วยเลยดีกว่า แต่ขอให้พยายามทำความเข้าใจและให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ทับถม ไม่ทำร้ายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปอีก

วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
ภาพจาก aphichato / Shutterstock.com 

5. ลองเป็นอาสาสมัครดูบ้าง

          กรมสุขภาพจิตแนะนำว่า วิธีลดความกังวลในจิตใจที่ดีและน่าลองอีกวิธีหนึ่ง ก็คือการเป็นจิตอาสาหรือทำสิ่งที่ช่วยเหลือผู้อื่นดูบ้าง เพราะจะทำให้เราเห็นปัญหาของหลาย ๆ คน ส่งผลให้เราตระหนักได้ว่าไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่เจออะไรหนัก ๆ แต่ยังมีคนอื่นอีกมกที่ร่วมลำบากไปกับเราด้วย ที่สำคัญการได้ช่วยเหลือผู้อื่นยังเป็นการส่งกำลังใจถึงกันและกันที่ดีอีกวิธีหนึ่งเลยล่ะ

6. ทำสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระ 

          ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านเหลือเกิน แนะนำให้สวดมนต์ไหว้พระหรือทำสมาธิก่อนนอนทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้เรามีสติและสงบจิตสงบใจลงได้ไม่มากก็น้อย

7. หายใจคลายเครียด

          ถ้าหากรู้สึกเครียดมาก ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี ลองอยู่นิ่ง ๆ สักพักค่ะ แล้วหายใจเข้า-ออกช้า ๆ นาน 2-3 นาที เพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่สมอง ส่งผลให้ความเครียดลดลง หรือลองทำตาม 9 วิธีนี้ก็ได้

          - 9 วิธีคลายเครียด จัดไปให้หายกังวลใน 10 นาที 

8. ยืดเหยียด บิดขี้เกียจ

          ในช่วงที่เผลอจมอยู่กับปัญหา ร่างกายเราอาจไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวตามปกติก็เป็นได้ ดังนั้นลองลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจเพื่อคลายเส้นกันค่ะ เชื่อไหมว่าแค่ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ก็ช่วยไล่ความเหนื่อยล้าที่เราแบกอยู่บนบ่าได้อย่างมหาศาลแล้ว

 วิธีดูแลจิตใจผู้ประสบภัยช่วงนํ้าท่วม
 
9. ดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างดี

          การดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากร่างกายเราป่วย ความอ่อนแอก็อาจจะเล่นงานเราได้ง่าย ดังนั้นอย่าลืมพักผ่อนและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้เรามีแรงลุกขึ้นสู้ในวันต่อไปนะคะ

10. ปรึกษาจิตแพทย์

          ในกรณีที่มีความทุกข์หนักหนาสาหัสมาก แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์โดยทันที หรือหากสังเกตเห็นว่าคนรอบข้างมีอาการหนัก ก็ต้องรีบขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร่งด่วน  

          อย่างไรก็ตาม เราขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกท่านผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตในเร็ววัน และขอให้ความเข้มแข็งจงสถิตอยู่ในจิตใจของทุกคนด้วยนะคะ 

Subcategories

  • ข่าวประชาสัมพันธ์

    ความเครียด!!!

    วามเครียด เป็นภาวะของอารมณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้น กดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ

    ลกระทบที่ได้จากความเครียด
       
    -
    ด้านร่ายกาย เช่น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปวดหลัง เป็นต้น
        - ด้านอารมณ์ เช่น ส่งผลให้ขี้หงุดหงิด ซึมเศร้า รู้สึกท้อแท้ อ่อนไหวได้ง่าย เป็นต้น
        - ด้านพฤติกรรม เช่น มีปัญหาด้านการกิน นอนไม่หลับ แยกตัวออกจากสังคม เป็นต้น

    าเหตุของความเครียด
        1.จากตัวเอง
           อคติ รับผิดชอบงานไม่ตรงความสามารถ ภาวะกดดันการทำงานในระยะเวลาจำกัด ปัญหาครอบครัว
        2.สภาพแวดล้อมในการทำงาน
           ปริมาณงานมาก ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในที่ทำงานไม่ดี งานมีระเบียบมากไป งานไม่มีความมั่นคงก้าวหน้า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดี

  • ข่าวเด่นประจำวัน

    วามเครียด เป็นภาวะของอารมณ์ หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ คับข้องใจ หรือถูกบีบคั้น กดดันจนทำให้เกิดความรู้สึกทุกข์ใจ สับสน โกรธ หรือเสียใจ

    ลกระทบที่ได้จากความเครียด
       
    -ด้านร่ายกาย เช่น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูก วิงเวียนศีรษะ ปวดหลัง เป็นต้น
        - ด้านอารมณ์ เช่น ส่งผลให้ขี้หงุดหงิด ซึมเศร้า รู้สึกท้อแท้ อ่อนไหวได้ง่าย เป็นต้น
        - ด้านพฤติกรรม เช่น มีปัญหาด้านการกิน นอนไม่หลับ แยกตัวออกจากสังคม เป็นต้น

    าเหตุของความเครียด
        1.จากตัวเอง
           อคติ รับผิดชอบงานไม่ตรงความสามารถ ภาวะกดดันการทำงานในระยะเวลาจำกัด ปัญหาครอบครัว
        2.สภาพแวดล้อมในการทำงาน
           ปริมาณงานมาก ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในที่ทำงานไม่ดี งานมีระเบียบมากไป งานไม่มีความมั่นคงก้าวหน้า สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่ดี

คลังเอกสารคุณภาพฝ่ายการพยาบาล

2-10-2566 10-28-57

Zo2 Framework Settings

Select one of sample color schemes

Google Font

Menu Font
Body Font
Heading Font

Body

Background Color
Text Color
Link Color
Background Image
 
Top of Page