การจัดการความรู้ของหน่วยงานศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ (Check Up)
ร่วมกับศูนย์รับผู้ป่วยใน และ งานเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
หัวข้อในการจัดการความรู้(Knowledge Vision)
เรื่องแนวทางปฏิบัติและป้องกันการระบุตัวผู้ป่วยผิดพลาด(Patient Identify)
วันที่ 6 มิถุนายน 2567
Knowledge Vision
เรื่อง เทคนิค (Service mind) ที่จุดบริการรับ-ส่งผู้ป่วย
การจัดการความรู้เรื่อง การเฝ้าระวังป้องกันการใช้รถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบพลังงานไฟฟ้า
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
1. หลักการและเหตุผล
จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา -19 ในช่วงต้นปีพ.ศ.2563 สถานพยาบาลต่าง ๆต้องให้บริการผู้ป่วยที่เข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้อและผู้ที่ติดเชื้อมาแล้ว มาไว้เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการและการรักษาพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้มีการแพร่กระจายเชื้อผ่านละอองฝอยในอากาศจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งได้โดยแก่นฝอยละออง (droplet nuclei) ที่มีเชื้อจุลชีพอยู่ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศได้ ซึ่งเชื้อไวรัสมีขนาดมากกว่าหรือเท่ากับ 5 ไมครอนสามารถแขวนลอยอยู่ในอากาศได้นานโดยไม่ตกลงพื้น และล่องลอยไปในอากาศได้ไกลมากจากจุดกำเนิด หากมีการติดเชื้อแล้วอาจมีอาการรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว การป้องกันของบุคลากรทางการแพทย์นั้นมีหลายมาตรการ เช่น การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล การใส่ชุดป้องกัน การใส่หน้ากากอนามัย รวมไปถึงการใช้ Face shield เพื่อป้องกันตนเองและป้องกันการรับเชื้อจากผู้อื่น แต่ในกระบวนการให้บริการของหน่วยเคลื่อนย้ายซึ่งต้องสัมผัสผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและขนส่งผู้ป่วยไปสถานที่ต่าง ๆมีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะได้รับเชื้อจากผู้รับบริการ คณะผู้ประดิษฐ์ได้วิเคราะห์เห็นช่องว่างในการที่จะทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อได้โดยง่ายจากการขนย้ายผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อหรือสงสัยว่าติดเชื้อไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ห้องเอ็กซเรย์ หรือ ห้องพักผู้ป่วย จึงได้คิดค้นวิธีการป้องกัน โดยได้ประดิษฐ์รถเข็นนั่งสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแบบแรงดันลบขึ้นมาเพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและเพิ่มความปลอดภัยทั้งด้านผู้ให้บริการและผู้มารับบริการรวมถึงประชาชนอื่น ๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
โดยหลักการทำให้ภายในกล่องผู้ป่วยเป็นแรงดันลบ คือ มีการนำอากาศภายนอกเข้ามาภายในตัวกล่องผ่านที่กรองอากาศ ซึ่งการไหลเวียนของอากาศภายในเพียงพอสำหรับหายใจ และความแตกต่างของความดันภายในกล่องต่ำกว่าภายนอก ทำให้โรคไม่ฟุ้งกระจาย และตกสู่ด้านล่างของกล่องและดูดออกภายนอกผ่าน Hepa- filter และผ่านแสง อินฟาเรดเพื่อฆ่าเชื้อโรค ก่อนปล่อยสู่บริเวณรอบ ๆ สำหรับ versionนี้ เป็นการปรับปรุงจุดอ่อน 3 เรื่อง 1) แรงส่งกรณีพบเส้นทางที่ไม่สม่ำเสมอ แล้วแรงดันรถไม่เพียงพอ เลยใช้การบังคับการเคลื่อนย้ายล้อหน้าด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แทนแรงขับเคลื่อนจากคน 2) ระบบตัวกรองและการฆ่าเชื้ออากาศที่ระบายสู่ภายนอกโดยเพิ่มให้ผ่านรังสีอินฟาเรดหลังผ่านตัวกรอง Hepa-filter เพื่อฆ่าเชื้อก่อนดูดทิ้งสู่ภายนอก 3) ความสะดวกในการทำกิจกรรมกับผู้ป่วย อาทิ เช่น ขึ้นลงได้ 2 ทาง เบาะนั่งนุ่มสบายขึ้น (ทำความสะอาดง่าย) สามารถติดตั้ง infusion pump ภายในกล่องได้ สามารถสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับเจ้าหน้าที่ได้สะดวกขึ้น เพิ่มเครื่องมือตรวจวัดแรงดัน อุณหภูมิ ออกซิเจน ตัววัดกำลังไฟฟ้า เป็นต้น
2. วัตถุประสงค์
เพื่อให้บุคลากรและทักษะในการใช้รถแรงดันลบอย่างถูกต้อง
3. เป้าหมาย/ตัวชี้วัด
มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
4. วิธีการ/รูปแบบการจัดการความรู้ ***(กรุณาระบุ)***
/ ¨ Success Story Telling (SST) (กรณีเลือกข้อนี้ให้ใส่ข้อมูลตามตารางข้อ 5.1)
¨ The World Cafe (กรณีเลือกข้อนี้ให้ใส่ข้อมูลตามตารางข้อ 5.2)
5. กระบวนการจัดการความรู้ (Share & Learn)
5.1 Success Story Telling (SST)
ผู้เล่าเรื่อง (Narrator) |
เหตุการณ์ (Context) |
เทคนิค/วิธีการ (Action) |
ผลลัพธ์ที่ได้รับ (Result) |
อำนาจ |
การใช้สวิทซ์ต่าง ๆ |
สาธิตการใช้งาน |
มีความรู้และใช้งานได้ถูกต้อง |
ภิรมย์ |
การขับเคลื่อนในทิศทางต่าง ๆ |
สาธิตการใช้งาน |
มีความรู้และใช้งานได้ถูกต้อง |
เอกมงคล |
การทำความสะอาดภายหลังการใช้งาน |
เล่าเรื่อง |
เข้าใจขั้นตอน |
ธีรพล |
การตรวจสอบความพร้อม |
สาธิตการใช้งาน |
มีความรู้และใช้งานได้ถูกต้อง |
วิโรจน์ |
วิธีการขอใช้งานรถความดันลบ |
เล่าเรื่อง |
เข้าใจขั้นตอน |
ทรนงค์ |
การดูผู้ป่วยขณะเคลื่อนย้าย |
สาธิตการใช้งาน |
มีความรู้และใช้งานได้ถูกต้อง |
5.2 The World Cafe
ผู้เล่าเรื่อง (Narrator) |
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share & Learn) |
เทคนิค/วิธีการ (Action) |
6.สรุปความถี่ (ข้อมูลที่ได้มาจากข้อ 5.1 หรือ 5.2)
เรื่อง |
จำนวนความถี่ |
|
|
6 |
|
5 |
|
7 |
|
7. Key Success Factor (ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ สรุปจากกระบวนการจัดการความรู้ในข้อ.6 (โดยเรียงจากความถี่ที่ได้จากข้อ 6 จากความถี่มากสุดไปหาน้อยสุด)
1.การตรวจสอบความพร้อมก่อนใช้งาน
2.การบังคับรถไปทิศทางที่ต้องการและการใช้สัญญาณต่าง ๆ
3.การทำงานให้ความดันเป็นลบ
4.การดูแลผู้ป่วยขณะเคลื่อนย้าย
5.ข้อกำหนดในการใช้รถความดันลบ
6.การทำความสะอาดหลังการให้บริการ
8. นวัตกรรมหรือสิ่งที่ได้จากการจัดการความรู้ (กรุณาแนบหลักฐาน)
£ คู่มือ
/£ แผ่นพับ
/และ £ มีการเผยแพร่ความรู้ผ่านโปรแกรมหรือระบบต่างๆ..เมื่อวันที่..(ระบุ) 13 ม.ค.65
เพื่อการตรวจสอบ (พร้อมปริ้นเอกสารแนบ หน้า website KM หน่วยงานมาด้วย)
9. ผลจากการดำเนินการทำกิจกรรม KM
ผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและมีการบำรักษารถความดันลบอย่างสม่ำเสมอ
10. สรุปผลการนำเทคนิคไปปฏิบัติใช้
มีการตรวจสอบความพร้อมก่อนการใช้งานและการทำความสะอาดภายหลังการใช้งานทุกครั้ง
11. After Action Review (AAR)
พัฒนาองค์ความรู้และทักษะการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่บุคลากรและการแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม
ส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวตกรรมและพัฒนางานประจำอย่างต่อเนื่อง
12. ภาพประกอบการทำกิจกรรม
....................................................................
(ลงชื่อนางนงนุช แย้มวงศ์)
หัวหน้าหน่วยงานการพยาบาลรัก
การจัดการความรู้ เรื่อง การระงับเหตุอัคคีภัยของศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย
วัน เดือน ปี : 20 มิถุนายน 2565 เวลา 10.00-11.00น.
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
1. หลักการและเหตุผล
อัคคีภัยเป็นภัยพิบัติที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความประมาท และขาดความระมัดระวัง ศูนย์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เป็นหน่วยงานสังกัดศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ เป็นหน่วยงานที่เป็นศูนย์อำนวยการเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัย บุคลากรภายในหน่วยงานจึงต้องทักษะ ความรู้อย่างเพียงพอ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆต้องมีความพร้อมต่อการใช้งานและต้องมีขั้นตอนการระงับเหตุอัคคีภัยที่ชัดเจน เป็นรูปธรรมสามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ไม่สับสน เพราะหากเกิดอัคคีภัยขึ้นจะก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อ ชีวิตและทรัพย์สิน และยังส่งผลกระทบต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมภายนอกด้วย ซึ่งในระบบการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลจะต้องมีกระบวนการเตรียมพร้อมต่อภัยพิบัติหรือภาวะฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ และศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ จะต้องดำเนินการเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินเพื่อการรับการรับรอง
(HA) ตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและความ ปลอดภัย ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่ออัคคีภัยอย่างเป็นระบบ และสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้จัดท าแผน ป้องกันและระงับอัคคีภัย เพื่อให้บุคลากรได้มีความรู้ความเข้าใจ และตระหนักถึงอันตรายที่เกิดจาก อัคคีภัย ตลอดจนสามารถปฏิบัติ การตามแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. วัตถุประสงค์
-เพื่อให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ๆจากการได้รับการอบรมเพิ่มเติมแก่พนักงานใหม่และพนักงานเดิมให้มีความรู้และวิธีปฏิบัติที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
3. เป้าหมาย/ตัวชี้วัด
-เพิ่มทักษะและความชำนาญในการจัดการของพนักงานเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัยในหน่วยงานและในองค์กร
4. วิธีการ/รูปแบบการจัดการความรู้ ***(กรุณาระบุ)***
/¨ Success Story Telling (SST) (กรณีเลือกข้อนี้ให้ใส่ข้อมูลตามตารางข้อ 5.1)
¨ The World Cafe (กรณีเลือกข้อนี้ให้ใส่ข้อมูลตามตารางข้อ 5.2)
5. กระบวนการจัดการความรู้ (Share & Learn)
5.1 Success Story Telling (SST)
ผู้เล่าเรื่อง (Narrator) |
เหตุการณ์ (Context) |
เทคนิค/วิธีการ (Action) |
ผลลัพธ์ที่ได้รับ (Result) |
นายภิรมย์ |
การประสานงานเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัย |
เล่าเรื่อง |
ขั้นตอนประสานงาน |
นายธีรพล |
วิธีการใช้ถังดับเพลิง |
เล่าเรื่อง |
วิธีการใช้ถังดับเพลิง |
นายเอกมงคล |
การช่วยเหลือหน่วยงานอื่น |
เล่าเรื่อง |
ขั้นตอนการช่วยเหลือ |
นายทวีป |
การขนย้ายผู้ป่วยเมื่อเกิดอัคคีภัย |
เล่าเรื่อง |
ขั้นตอนการเคลื่อนย้าย |
5.2 The World Cafe
ผู้เล่าเรื่อง (Narrator) |
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share & Learn) |
เทคนิค/วิธีการ (Action) |
6.สรุปความถี่ (ข้อมูลที่ได้มาจากข้อ 5.1 หรือ 5.2)
เรื่อง |
จำนวนความถี่ |
1.ขั้นตอนการประสานงาน |
7 |
2.วิธีการใช้ถังดับเพลิง |
5 |
3.แนวทางการช่วยเหลือหน่วยงานอื่น |
4 |
4.วิธีการขนย้ายผู้ป่วยกรณีเกิดเหตุอัคคีภัย |
8 |
7. Key Success Factor (ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ สรุปจากกระบวนการจัดการความรู้ในข้อ.6 (โดยเรียงจากความถี่ที่ได้จากข้อ 6 จากความถี่มากสุดไปหาน้อยสุด)
8. นวัตกรรมหรือสิ่งที่ได้จากการจัดการความรู้ (กรุณาแนบหลักฐาน)
£ คู่มือ
/£ แผ่นพับ
/และ £ มีการเผยแพร่ความรู้ผ่านโปรแกรมหรือระบบต่างๆ..เมื่อวันที่..(ระบุ)...........................
เพื่อการตรวจสอบ (พร้อมปริ้นเอกสารแนบ หน้า website KM หน่วยงานมาด้วย)
9. ผลจากการดำเนินการทำกิจกรรม KM
-มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับพนักงานใหม่และฟื้นฟูทักษะของพนักงานเดิมให้มีความรู้ที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
10. สรุปผลการนำเทคนิคไปปฏิบัติใช้
-บุคลากรทุกคนมีความเข้าใจในขั้นตอนและมีความพร้อมในการจัดการตนเองและให้ความช่วยเหลือหน่วยงานอื่น
11. After Action Review (AAR)
-สามารถนำไปถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับพนักงานที่เข้ามาทำงานใหม่และมีระบบบำรุงรักษาอุปกรณ์ดับเพลิงในหน่วยงานให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
-เป็นส่วนหนึ่งของERT Team ขององค์กร
ภาพกิจกรรม
หัวข้อจัดการความรู้ การดูแลรถความดันลบ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
1. นางนงนุช แย้มวงศ์ ผู้จัดการความรู้ (KM Manager)
2. นายภิรมย์ ทองสิบวงษ์ คุณอำนวย ( Facilitator)
3. นายทวีป แย้มสระโส คุณอำนวย ( Facilitator)
4. นายวิโรจน์ สุขสมบูรณ์ คุณลิขิต (Note Taker)
5. นายเอกมงคล ระบอบ คุณกิจ
6. นายธีรพล สุขชาติ
6. นายพิมพ์ใจ กริ่มใจ
7. นายนพนันท์ คงศร
8. นายฉัตรระพี บุญกล่ำ
9.นายภคพงค์ แตงไทย
10.นายอานนท์ พัดสอน
1. หลักการและเหตุผล
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่ 4 ทำให้มีคนติดเชื้อจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และความรุนแรงของการติดเชื้อทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ได้มีการกลายพันธ์ของเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นหลายสายพันธ์และบางสายพันธ์ไม่ค่อยแสดงอาการให้เห็นชัดเจนและแพร่กระจายได้ง่าย รวดเร็ว ทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากมาตรวจที่โรงพยาบาล บุคลากรแผนกเคลื่อนย้ายจะต้องเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด อาจติดเชื้อได้โดยง่าย รวมถึงผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ก็สามารถแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นในโรงพยาบาลได้ เกิดสิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยเพราะในโรงพยาบาลมีผู้คนจำนวนมากที่มารับบริการจนเกิดความแออัดในแต่ละแผนกอยู่แล้ว ทำให้โอกาสติดเชื้อมีค่อนข้างสูง
2. วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้บุคลากรและเจ้าหน้าที่ทุกคน ตระหนักถึงอันตรายจากอัคคีภัย
2.เพื่อให้บุคลากรมีความพร้อม ความเข้าใจ รับผิดชอบหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุ
3.เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติต่อการเกิดอัคคีภัยถูกต้อง รวดเร็ว และทันเวลา
3. เป้าหมาย/ตัวชี้วัด
เพื่อจัดทำแนวทางปฏิบัติเรื่องอัคคีภัยในหน่วยงาน
เพื่อให้บุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจและบอกขั้นตอนการระงับเหตุเบื้องต้นได้
4. วิธีการ/รูปแบบการจัดการความรู้
¨ Success Story Telling (SST) (กรณีเลือกข้อนี้ให้ใส่ข้อมูลตามตารางข้อ 5.1)
þ The World Cafe (กรณีเลือกข้อนี้ให้ใส่ข้อมูลตามตารางข้อ 5.2)
5. กระบวนการจัดการความรู้ (Share & Learn)
5.1 Success Story Telling (SST)
ผู้เล่าเรื่อง (Narrator) |
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share & Learn) |
เทคนิควิธีการ (Action) |
พี่นุช |
- ซักถามความเข้าใจในการปฏิบัติตัวเมื่อมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19ที่ต้องเคลื่อนย้ายด้วยรถนั่งและรถนอน โดยให้บุคลากรและพนักงานแลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน |
- แลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน |
พี่นุชและเอ็ม |
- ให้ความรู้เรื่อง แนวทางการป้องกันตนเองก่อนและหลังการรับส่งผู้ป่วย เช่น การสวมชุด PPE การสวมแมสก์ การล้างมือและการแยกอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ |
- อธิบาย แจกเอกสารประกอบ - แลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน |
ลุงเอก |
- อธิบายการใช้รถและข้อควรระวังของบุคลากรในหน่วยงาน และให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ |
- อธิบาย |
ลุงเอก,ลุงอ้อ |
- ประสบการณ์การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ และให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น |
- อธิบายวิธีการและแสดงตัวอย่างประกอบ - แลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน |
วิโรจน์และเอ็ม |
- ให้ความรู้เรื่องการจัดการตนเองและรถหลังใช้งานเสร็จแล้ว |
- อธิบาย แจกเอกสารประกอบ - แลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน |
พี่นุชและเอ็ม |
- สรุปผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสรุปแนวปฏิบัติให้เป็นทิศทางเดียวกัน |
- เสนอแนะข้อควรแก้ไข และการจัดทำเป็นคู่มือการใช้รถ |
6.สรุปความถี่ (ข้อมูลที่ได้มาจากข้อ 5.1 หรือ 5.2)
เรื่อง |
จำนวนความถี่ |
1. ข้อดีข้อเสียของการใช้รถความดันลบ |
17 ครั้ง |
2. ขั้นตอนการเคลื่อนย้ายกรณีผ่าตัด |
10 ครั้ง |
3. วิธีการทำความสะอาดรถภายหลังการใช้งาน |
8 ครั้ง |
4. วิธีการทำความสะอาดผู้ให้บริการภายหลังส่งตัวผู้ป่วย |
7 ครั้ง |
5. อุปสรรคปัญหาการใช้รถความดันลบในประเด็นต่างๆ |
2-5 ครั้ง |
6. การบำรุงรักษารถความดันลบ |
1-2 ครั้ง |
7. Key Success Factor (ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ สรุปจากกระบวนการจัดการความรู้ในข้อ.6 (โดยเรียงจากความถี่ที่ได้จากข้อ 6 จากความถี่มากสุดไปหาน้อยสุด)
1. บุคลากรมีความตระหนักและให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองและใช้อุปกรณ์ในการป้องกันอย่างเหมาะสม
2. บรรยากาศของกลุ่ม ทำให้ทุกคนกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น แชร์ความรู้ประสบการณ์ร่วมกัน
3. บางหัวข้อไม่ใช่บริบทหน่วยงาน บุคลากรไม่คุ้นชิน จึงมีส่วนร่วมในการแชร์ความคิดเห็นน้อย ต้องให้ Facilitator อธิบาย และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
8. นวัตกรรมหรือสิ่งที่ได้จากการจัดการความรู้ (กรุณาแนบหลักฐาน)
/ £ คู่มือ
£ แผ่นพับ
£ มีการเผยแพร่ความรู้ผ่านโปรแกรมหรือระบบต่างๆ..เมื่อวันที่..(ระบุ).................................
เพื่อการตรวจสอบ (พร้อมปริ้นเอกสารแนบ หน้า Website KM หน่วยงานมาด้วย)
9. ผลจากการดำเนินการทำกิจกรรม KM
บุคลากร/เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานได้เรียนรู้ร่วมกัน นำความรู้ ทฤษฎีและประสบการณ์ในเรื่องอัคคีภัยมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และมีแนวทางปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันนำมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุของหน่วยงานได้ เพื่อตอบสนองนโยบายขององค์กร
10. สรุปผลการนำเทคนิคไปปฏิบัติใช้
มีคู่มือการใช้รถความดันลบ
11. After Action Review (AAR)
1.ท่านสามารถนำองค์ความรู้ไปพัฒนาหน่วยงานของท่านได้อย่างไร
- บุคลากรในหน่วยงานสามารถใช้รถได้อย่างถูกต้องและทำความสะอาดได้อย่างเหมาะสมเพื่อรักษามาตรฐานของการให้บริการ
- มีคู่มือการใช้รถความดันลบในหน่วยงาน
2.ท่านสามารถนำองค์ความรู้ไปพัฒนาองค์กรได้อย่างไร
- นำไปจัดระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสิ่งแวดล้อมและป้องกันการรับเชื้อมาจากบุคคลอื่น
12. ภาพประกอบการทำกิจกรรม