ซ้อมแผนปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยมีภาวะฉุกเฉิน/ฉุกเฉินวิกฤต ในขณะรับบริการกายภาพบำบัด เพื่อใช้เป็นแนวทางเพื่อให้บุคลากรทุกคนในแผนกกายภาพบำบัดปฏิบัติกรณีที่เกิดอุบัติการณ์ผู้ป่วยเกิดภาวะฉุกเฉินหรือผู้ป่วยมีภาวะฉุกเฉินวิกฤต สัญญาณชีพไม่คงที่จำเป็นต้องได้รับปฏิบัติการทางการแพทย์ทันที เช่น การช่วยกู้ชีพ ให้บุคลากรในแผนกกายภาพบำบัดสามารถปฐมพยาบาลและให้การช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานวิชาชีพ โดยมีนพ.ปวรุศม์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา แพทย์ประจำแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด ผู้ปฏิบัติงานเวชกรรมฟื้นฟูและทีมพนักงานบริการ ได้จัดซ้อมแผนฉุกเฉิน/ฉุกเฉินวิกฤต ในขณะรับบริการกายภาพบำบัด จัดขึ้นที่แผนกกายภาพบำบัด ชั้น 5 ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2565 เวลา 14.00 น. - 16.00 น.
1) นักกายภาพบำบัดเจ้าของเคสต้องเข้าประเมินอาการและสัญญาณชีพผู้ป่วยในทันที โดยมีผู้ปฏิบัติงาน เวชกรรมฟื้นฟูประจำห้องออกกำลังกายช่วยจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องวัดระดับออกซิเจนปลายนิ้ว ถังและอุปกรณ์ให้ออกซิเจน
2) นักกายภาพบำบัดเจ้าของเคสประกาศ code EMR แจ้งผู้ปฏิบัติงานเวชกรรมฟื้นฟูประจำเคาน์เตอร์ห้องไฟฟ้าบำบัดให้แจ้งนักกายภาพบำบัดของห้องไฟฟ้าบำบัดด้วย code EMER และกด 12345 โทรศัพท์แจ้งงานประชาสัมพันธ์เพื่อประกาศ code CPR จากนั้นให้ช่วยนักกายภาพบำบัดที่เหลือของห้องไฟฟ้าบำบัดดูแลผู้ป่วย ที่เหลือภายในห้อง
3) นักกายภาพบำบัดห้องออกกำลังกาย 1 คน มาจุดเกิดเหตุ ช่วยปฐมพยาบาลผู้ป่วยเบื้องต้น เช่น คลายเสื้อผ้า ให้ออกซิเจน ทำการ CPR เป็นต้น และต้องตรวจเช็คสัญญาณชีพของผู้ป่วยต่อเนื่อง โดยมีผู้ปฏิบัติงานเวชกรรมฟื้นฟูประจำห้องออกกำลังกายเป็นผู้ช่วยเหลือ
4) นักกายภาพบำบัดของห้องไฟฟ้าบำบัด 2 คน มายังห้องออกกำลังกายโดย 1 คนเพื่อเข้าสังเกตการณ์ จดบันทึกเวลาและรายละเอียด ณ จุดเกิดเหตุ และนักกายภาพบำบัดอีก 1 คน ช่วยดูแลผู้ป่วยรายอื่นในห้องออกกำลังกายให้อยู่ในความเรียบร้อย หรืออาจตามให้ญาติเข้าช่วยดูแลผู้ป่วยในห้องให้มีความปลอดภัยมากที่สุด เฝ้าระวังการพลัดตกหกล้มหรือตกเตียงที่อาจเกิดขึ้นได้
5) นักกายภาพบำบัดเจ้าของเคสรีบโทรศัพท์รายงานแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูกรณีเป็นผู้ป่วยนอกและรายงานแพทย์เจ้าของไข้และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูกรณีเป็นผู้ป่วยใน จากนั้นกลับเข้าปฐมพยาบาลผู้ป่วยต่อจนกว่าแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู / แพทย์เจ้าของไข้ / ทีมกู้ชีพโรงพยาบาลมาถึงจุดเกิดเหตุ
6) เตรียมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยพร้อมกับให้ออกซิเจนขณะทำการเคลื่อนย้าย