กาชาดยันบริจาคเลือด 24 ครั้งป่วยนอนรพ.ในสังกัดฟรี | เดลินิวส์
"กาชาดยันบริจาคเลือด 24 ครั้งป่วยนอนรพ.ในสังกัดฟรี ผอ.สภากาชาดไทยยันบริจาคเลือด 24 ครั้งป่วยนอนรพ.ในสังกัดฟรี
ถ้าผ่าตัด-คลอดลูกหรือนอนห้องพิเศษจ่ายครึ่งหนึ่ง แต่ยึดตามสิทธิการรักษาพยาบาลเดิมก่อน เมื่อวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 19:41 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้มีการแชร์ข้อมูลผ่านเฟชบุ๊ค “รู้ไว้ไม่โง่” ระบุว่าถึงรายละเอียดสิทธิในการักษาพยาบาลของผู้บริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิต
สภากาชาดไทย โดยใจความตอนหนึ่งระบุว่า “ผู้บริจาคโลหิต 7 ครั้งขึ้นไปเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย
ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เสียค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญถ้าอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด
ผ่าตัดคลอดบุตร จะเสียเพียงกึ่งหนึ่งของอัตราที่กำหนด ผู้บริจาคโลหิต24 ครั้งขึ้นไปเป็นผู้ป่วยใน ของโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย ได้แก่
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชาได้รับการยกเว้นเฉพาะค่ารักษาพยาบาล ประเภทผู้ป่วยสามัญ
ถ้าอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัดผ่าตัดคลอดบุตร จะเสียเพียง ร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนด นอกจากนี้ยังระบุว่าผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่18 ครั้งขึ้นไป
อาศัยอำนาจจากกระทรวงสาธารณสุข ตามความในประเภท ข.ที่มีหนังสือรับรองจากสภากาชาดไทยว่าได้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 18 ครั้งขึ้นไป
ได้รับการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล และถ้าอยู่ห้องพิเศษ ได้รับความช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหาร เพียงร้อยละ50ของอัตราที่กำหนดไว้
ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไปอาศัยอำนาจจากกระทรวงสาธารณสุข ตามความในประเภท ค.ที่มีหนังสือรับรองจากสภากาชาดไทยว่าได้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป
ได้รับการช่วยเหลือเฉพาะค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษไม่เกินสิทธิอันพึงเบิกได้จากหน่วยงานต้นสังกัดก่อนส่วนที่เกินสิทธิให้เรียกเก็บเพียงร้อยละ 50
สำหรับผู้ไม่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือ เพียงร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนดไว้ และสิทธินี้จะใช้ได้เฉพาะผู้ที่ไม่มีสิทธิอย่างอื่นเช่น ประกันสังคม หรือข้าราชการ
และจะใช้ได้เฉพาะผู้ป่วยในเมื่อได้ห้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว โดยให้ญาตินำบัตรประจำตัวของผู้บริจาคโลหิตขอหนังสือรับรองผู้บริจาคโลหิตได้ที่
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยถนนอังรีดูนังต์ เพื่อนำไปลดหย่อนการรักษาพยาบาลเป็นครั้งๆ ไปสอบถามเพิ่มเติมโทร. 0 2263 9600 ต่อ 1813
ทั้งนี้ พญ.อุบลวัณณ์จรูญเรืองฤทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่ออกมาค่อนข้างจะนานมาก
และยังไม่ได้มีการแก้ไข เบื้องต้นหากผู้บริจาคโลหิต 7 หากเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทยได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นั้นกรณีที่รักษาตัวในห้องผู้ป่วยสามัญหรือห้องผู้ป่วยรวมนั้นก็ให้ใช้สิทธิการรักษาพยาบาลเดิมของตัวเอง
โดยแต่หากนอนห้องพิเศษ หรือกรณีที่อยู่ห้องพิเศษ หรือผ่าตัดคลอดบุตรนั้นสามารถลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 50 ทั้งนี้ หากเป็นผู้บริจาคโลหิตเกกิน24 ครั้งเป็นต้นไป
แล้วป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย จะได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาลกรณีรักษาตัวในห้องผู้ป่วยสามัญแต่ถ้าอยู่ห้องพิเศษ หรือ ผ่าตัด
ผ่าตัดคลอดบุตร จะเสียเพียง ร้อยละ 50ของอัตราที่กำหนด อย่างไรก็ตามสิทธิดังกล่าว ไม่มีข้อกำหนดกรณีบริจาคโลหิต 18 ครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีบริจาคโลหิต
24 ครั้งขึ้นไปแล้วจะได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญได้ทุกโรคหรือไม่ เช่น โรคมะเร็ง จะสามารถได้รับการยกเว้นด้วยหรือไม่ พญ.อุบลวัณณ์ กล่าวว่า
ในระเบียบไม่ได้กำหนดรายโรคเอาไว้ จึงคาดว่าน่าจะสามาถรได้รับการยกเว้นเช่นกันแต่ทั้งนี้ต้องดูที่การพิจารณาของทางโรงพยาบาลด้วย เมื่อถามต่อว่ากรณีผ่าตัดจากเดิม
ที่มีวิธีการไม่มากแต่ปัจจุบันจะมีการใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น การใช้หุ่นยนต์การผ่าตัดส่องกล้อง จะได้รับการลดหย่อนค่ารักษาร้อยละ 50 ด้วยหรือไม่
ผอ.ศูนย์บริการโลหิต กล่าวว่า อยู่ที่การพิจารณาของทางโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งส่วนจากนี้จะมีการปรับปรุงระเบียบสิทธิตรงนี้หรือไม่ โดยของศูนย์บริการโลหิตเป็นเพียงหน่วยหนึ่งเท่านั้น
แต่ระเบียบใหญ่ออกมากจากสภากาชาด ถ้าจะอัพเดตใหม่คงต้องใช้เวลาเบื้องต้นถ้าประชาชนจะใช้สิทธิก็อาจจะมาขอหรือให้ญาตินำบัตรประจำตัวมาขอหนังสือรับรองการบริการบริจาคโลหิต
ที่ศูนย์บริการโลหิตหรือภาคบริการโลหิตที่โรงพยาบาลสาขาหรือโรงพยาบาลจังหวัดก็สามารถดูจำนวนครั้งได้เช่นกัน พญ.อุบลวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับการเข้ารับบริการในโรงพยาบาล
สังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น ตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล (ฉบับที่6 ) พ.ศ.2558 ระบุเอาไว้ในข้อที่ 8 ประเภท ค.
ให้หน่วยบริการช่วยเหลือเฉพาะค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษโดยให้เรียกเก็บตามอัตราที่กำหนดไว้ แต่ต้องไม่เกินสิทธิอันพึงเบิกได้จากหน่วยงานต้นสังกัดก่อน
ส่วนที่เกินให้เรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 โดยจัดสมาชิดผู้บริจาคโลหิตของสภากาชาดไทยเอาไว้ ในผู้มีสิทธิตามประเภทค. ซึ่งได้รับการช่วยเหลือเฉพาะตัว (1)และกำหนดให้ต้องมีหนังสือรับรอง
จากสภากาชาดไทยด้วย อย่างไรก็ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ระบุจำนวนครั้งของการรับบริจาคเลือดเอาไว้. “
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/378659