ZT Maju - шаблон joomla Продвижение

ข่าวเด่นประจำวัน

333

จอประสาทตาเสื่อม

จุดภาพชัด (Macula) เป็นจุดที่อยู่ตรงกลางของจอตา (Retina) ซึ่งมีเซลล์ประสาทรับรู้แสงและสี (Cones) จำนวนมาก จึงทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน แต่ในผู้สูงอายุอาจเกิดภาวะเสื่อมของจุดภาพชัดนี้ได้ ซึ่งจะทำให้สายตาพิการอย่างถาวร

โรคจุดภาพชัดเสื่อมตามวัยโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม หรือที่มักเรียกว่า “โรคจอประสาทตาเสื่อม” หรือ “โรคจอตาเสื่อม” (Aged-related macular degeneration - AMD) เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของจอประสาทตาในบริเวณจุดภาพชัด (Macula) เป็นเหตุทำให้ผู้ป่วยมีสายตาเลือนรางหรือตาบอด โดยเฉพาะตรงกลางของภาพ (แต่ยังคงมองเห็นขอบด้านข้างของภาพได้ปกติ) ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจเกิดการเสื่อมของจอประสาทตาขึ้นอย่างช้า ๆ จนแทบไม่ทันสังเกตหรือไม่รู้สึกว่าผิดปกติ ในขณะที่บางรายอาจเกิดการเสื่อมของจอประสาทตาอย่างรวดเร็วก็ได้

โรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) เป็นโรคที่เริ่มพบได้ในผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี และพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ในปัจจุบันประชากรโลกมีอายุเพิ่มขึ้น จึงพบว่า โรคนี้เป็นปัญหาทางสาธารณสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีการประเมินว่า โรคจอประสาทตาเสื่อมเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอดได้มากกว่าครึ่ง (54%) และคาดการณ์ว่ามีความชุกของโรคนี้อยู่ที่ประมาณ 1.2-1.8% ในประชากรที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป

โรคจอประสาทตาเสื่อมIMAGE SOURCE : nuasupplements.com

ชนิดของจอประสาทตาเสื่อม

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดแห้ง (Dry) และชนิดเปียก (Wet)

  1. โรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้ง (Dry AMD หรือ Early AMD) เป็นชนิดที่พบได้มากที่สุดในขั้นเริ่มต้นหรือขั้นปานกลาง ซึ่งจะพบได้ประมาณ 85-90% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ อาการมักจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงทำให้ความสามารถในการมองเห็นของผู้ป่วยลดลงอย่างช้า ๆ โดยพบว่าเกิดจากการเสื่อมสลายและบางลงของจุดภาพชัด (Macula) จากกระบวนการเสื่อมตามอายุ โดยไม่มีรอยแผลเป็นหรือมีเลือดออก
  2. โรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก (Wet AMD หรือ Late AMD) เป็นชนิดที่พบได้น้อยกว่าชนิดแห้งมาก คือ พบได้ประมาณ 10-15% และมีความรุนแรงน้อยกว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีจอประสาทตาเสื่อมชนิดแห้งนำมาก่อน อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็ว และอาจเป็นสาเหตุสำคัญของการตาบอดได้ โดยพบว่าเกิดจากการที่เซลล์จอประสาทตาเสื่อม บางลง และมีหลอดเลือดผิดปกติที่งอกขึ้นใหม่ในผนังลูกตาชั้นกลาง (ชั้นเนื้อเยื่อคอรอยด์) บริเวณใต้จุดภาพชัด ซึ่งหลอดเลือดเหล่านี้จะมีความเปราะบางและแตก/รั่วซึมได้ง่าย เมื่อเกิดการแตกหรือรั่วซึมจึงทำให้มีเลือดและของเหลวค้างอยู่ใต้จอประสาทตา ทำให้จุดภาพชัดบวมและเกิดการทำลายจอประสาทตาอย่างรวดเร็ว และการทำลายนี้อาจทำให้เกิดแผลเป็นที่จอประสาทตาได้ด้วย

ชนิดจอประสาทตาเสื่อมIMAGE SOURCE : www.drgirjesh.com

สาเหตุของโรคจอประสาทตาเสื่อม

ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดจากความเสื่อมของเซลล์จอประสาทตามีการบางตัวลงของเซลล์ มีการสะสมของเสียจากเซลล์จอประสาทตา จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์รับภาพมากขึ้น และจากการที่มักพบโรคนี้ได้ในผู้สูงอายุ จึงทำให้เชื่อว่าเป็นกระบวนการเสื่อมสภาพของร่างกาย (Aging Process) นอกจากนี้ยังมีอีกหลายภาวะที่จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีอิทธิพลต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ได้แก่

  • อายุ เพราะมักพบโรคนี้ได้บ่อยขึ้นในคนที่มีอายุมากกว่า 50-60 ปีขึ้นไป (อายุยิ่งมากยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น)
  • กรรมพันธุ์/พันธุกรรม เพราะพบว่าในฝาแฝดจะเกิดโรคนี้ได้เหมือน ๆ กัน และพบว่าประมาณ 50% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะมีประวัติที่คนในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน (จากการวิจัยล่าสุดสามารถค้นพบยีนที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคจอประสาทตาเสื่อม ดึงนั้นจึงมีคำแนะนำให้ผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของผู้ที่เป็นโรคกับญาติสายตรงไปรับการตรวจเช็กจอประสาทตาทุก 2 ปี)
  • เชื้อชาติ เพราะพบอุบัติการณ์ของโรคนี้ได้มากที่สุดในคนผิวขาว (Caucasian)
  • เพศหญิง เพราะมักพบโรคนี้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งรวมถึงโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดแดงแข็ง นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่ต้องรับประทานยาลดความดันโลหิต และมีระดับของไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดสูงและระดับแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ในเลือดต่ำ จะมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมชนิดเปียก (Wet Dry)
  • โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากอาจทำให้โรคจอประสาทตาเสื่อมเป็นมากขึ้น
  • วัยหมดประจำเดือน หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานยาฮอร์โมนเอสโตรเจนจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น (มีหลักฐานพบว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนน่าจะช่วยป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ ดังนั้นในผู้หญิงวัยขาดฮอร์โมนนี้จึงมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้บ่อยกว่า)
  • สายตาสั้นมาก ๆ (Pathologic myopia) แต่บางข้อมูลก็ระบุว่า ผู้ที่มีสายตายาว (Hyperopia) จะมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากกว่าผู้ที่มีสายตาปกติหรือมีสายตาสั้น
  • ม่านตาสีอ่อน (Light iris coloration)
  • ตาได้รับแสงแดดอย่างเรื้อรัง
  • การสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่เรื้อรัง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพราะสารพิษในควันบุหรี่สามารถทำลายเซลล์ประจอสาทตาได้โดยตรง และก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็ง ซึ่งรวมทั้งหลอดเลือดจอประสาทตา นอกจากนี้ยังมีหลักฐานการวิจัยพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่อย่างน้อย 6 เท่า และการสูบบุหรี่ยังมีโอกาสทำให้เกิดโรคนี้ได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูบบุหรี่ที่มีประวัติมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้ร่วมด้วยจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 30 เท่า
  • การดื่มสุรา
  • ขาดอาหารมีประโยชน์ 5 หมู่ และอาจขาดสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิด โดยเฉพาะลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin)

อาการของโรคจอประสาทตาเสื่อม

อาการและอาการแสดงของโรคนี้อาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย และเป็นเรื่องยากที่ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในการมองเห็นได้ด้วยตัวเองในระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะถ้าตาอีกข้างหนึ่งยังมองเห็นได้ดีอยู่ ผู้ป่วยก็อาจไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติกับตาอีกข้างไปหลายปีก็ได้ แต่ในรายที่จอประสาทตาเสื่อมเกิดขึ้นทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงความผิดปกติในการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว เช่น มองตรงกลางภาพไม่ชัดหรือมืดดำไป มองเห็นภาพบิดเบี้ยว เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ “ผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-64 ปี ที่ไม่มีอาการผิดปกติในการมองเห็น ควรได้รับการตรวจสุขภาพตา/จอประสาทตาทุก 2-4 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจทุก 1-2 ปี แม้จะไม่พบอาการผิดปกติอะไรก็ตาม” เนื่องจากการที่ผู้ป่วยจะรู้ถึงความผิดปกติในระยะเริ่มแรกเป็นสิ่งที่ยาก แต่ในขณะเดียวกันการตรวจพบและให้การรักษาในระยะแรกเริ่มก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด เพราะจอประสาทตาที่เสื่อมไปแล้วมีแต่จะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ การรักษาหลักในปัจุบันทำได้เพียงแค่หยุดหรือชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาให้ช้าที่สุด และอาจรักษาไม่ได้เลยถ้าเป็นรุนแรง

สำหรับอาการของโรคจอประสาทตาเสื่อมที่อาจพบได้ คือ

  • ในระยะแรกอาจไม่มีอาการผิดปกติหรือผู้ป่วยอาจไม่ทันได้สังเกตเห็น และจักษุแพทย์มักตรวจพบการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของจอประสาทตาได้โดยบังเอิญ เช่น จากการตรวจสุขภาพตาเพื่อวัดสายตา การตรวจสุขภาพตาประจำปี
  • มองเห็นภาพไม่ชัดหรือตามัวลงเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงกลางของภาพ ซึ่งผู้ป่วยอาจมองเห็นได้ไม่ชัด มองเห็นเป็นเงาดำ ๆ บังอยู่ตรงกลางภาพ หรือมองไม่เห็น จึงทำให้ผู้ป่วยมองภาพ อ่านหนังสือ ขับรถ จำหน้าคน หรือทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดได้ยากกว่าปกติ ซึ่งอาจกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยในการเดินทางได้ จึงควรระวังในการเดินทางและควรมีคนคอยช่วยดูแลอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม โรคนี้จะทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะตรงกลางของภาพเท่านั้น โดยที่ภาพด้านข้างหรือตรงขอบยังมองเห็นได้ดีอยู่ (เกิดความผิดปกติของการมองเห็นตรงส่วนกลางของลานตา แต่ไม่กระทบต่อลานสายตาส่วนรอบนอก) เช่น ผู้ป่วยอาจมองเห็นตัวคน แต่ส่วนของใบหน้าจะเบลอมองเห็นได้ไม่ชัด หรือมองเห็นเฉพาะขอบของนาฬิกา แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเวลาอะไร ดังนั้น โดยตัวของโรคจอประสาทตาเสื่อมแล้วจะไม่ทำให้การมองเห็นมืดสนิทไปหมด แม้แต่ในรายที่เป็นมากก็ตาม ผู้ป่วยจึงยังพอมองเห็นภาพทางด้านขอบข้างของภาพ และพอที่จะช่วยเหลือดูแลตัวเองได้บ้าง
  • มองเห็นภาพบิดเบี้ยว (จะเห็นภาพบิดเบี้ยวชัดเจนมากขึ้นเมื่อมองภาพในระยะใกล้ ๆ) มองเห็นเส้นตรงเป็นคลื่นหรือเป็นเส้นคด มองเห็นป้ายสัญญาณจราจรผิดเพี้ยนไป มองเห็นเส้นตรงเป็นเส้นขาด มองเห็นลดลงไม่ตรงกลางเส้น
  • สายตาไม่ดีเมื่ออยู่ในที่สลัว เวลาอ่านหนังสือหรือทำงานที่ประณีต หรือต้องมองใกล้ ๆ จำเป็นต้องอาศัยแสงสว่างมากขึ้น
  • มองเห็นสีได้ไม่ชัดเจน (สีจางหรือมืดมัวกว่าปกติ) มองเห็นสีผิดเพี้ยนไป เนื่องจากบริเวณจุดรับภาพชัดมีเซลล์ประสาทรับรู้แสงและสี (Cones) อยู่หนาแน่น
  • มองเห็นขนาดภาพเปลี่ยนไป เห็นวัตถุมีขนาดเล็กลงกว่าปกติ หรืออยู่ห่างกว่าปกติ
  • ตามัวลงอย่างฉับพลัน มักพบในผู้ป่วยที่มีเลือดออกเข้าสู่น้ำวุ้นลูกตาและใต้จอประสาทตา หรือเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมที่รุนแรงแล้ว
  • อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นที่ตาข้างหนึ่งก่อน ซึ่งผู้ป่วยอาจไม่ทันได้สังเกตหรือไม่รู้สึกว่าผิดปกติ เนื่องจากตาอีกข้างหนึ่งยังดีอยู่ ต่อมาเมื่อเป็นทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยจึงจะสังเกตเห็นความผิดปกติได้อย่างชัดเจน

ข่าวเด่นประจำวัน

กิจกรรมสาธารณะ  เรื่อง การบริการน้ำดื่มเพื่อสุขภาพขณะรอตรวจ

กิจกรรมสาธารณะ เรื่อง การบริการน้ำดื่มเพื่อสุขภาพขณะรอตรวจ

กิจกรรมสาธารณะ  เรื่อง การบริการน้ำดื่มเพื่อสุขภาพขณะรอตรวจ ... Read more
บทความเรื่องวุ้นตาเสื่อม

บทความเรื่องวุ้นตาเสื่อม

บทความเรื่องวุ้นตาเสื่อม อ่านรายละเอียด... Read more
บทความเรื่องน้ำตาเทียม

บทความเรื่องน้ำตาเทียม

บทความเรื่องน้ำตาเทียม อ่านรายละเอียด... Read more
บทความเรื่องต้อหิน (glaucoma)

บทความเรื่องต้อหิน (glaucoma)

บทความเรื่องต้อหิน (glaucoma)  อ่านรายละเอียด... Read more
ต้อกระจก ครบทุกเรื่องในตอนเดียว

ต้อกระจก ครบทุกเรื่องในตอนเดียว

บทความเรื่องต้อกระจก รายละเอียด... Read more
Joomla Templates and Joomla Extensions by JoomlaVision.Com

บริการของเรา

ddd
----------------------------------------------------
tb01

คลังเอกสารคุณภาพฝ่ายการพยาบาล

2-10-2566 10-28-57

องค์ความรู้หน่วยงาน

K M OPD 2

ดาวน์โหลด...

KM OPD EYE

ดาวน์โหลด...

CQI EYE 61

ดาวน์โหลด...
Joomla Templates and Joomla Extensions by JoomlaVision.Com

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

part-01   part-02 
 
part-03   part-04  

 

สถิติผู้เยี่ยมชม

0120002
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
13
27
115
148
418
653
120002

Forecast Today
96

2.97%
32.23%
2.00%
1.09%
0.07%
61.65%
Online (15 minutes ago):1
one guest
no members

Your IP:192.168.126.4
Zo2 Framework Settings

Select one of sample color schemes

Google Font

Menu Font
Body Font
Heading Font

Body

Background Color
Text Color
Link Color
Background Image
 
Top of Page