ถ้าเริ่มเกิดอาการชา หรือรู้สึกเจ็บปวด ร้อน หรือเย็น ตามที่ต่าง ๆ ของร่างกายแบบผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้ หรือนิ้วกลาง, แขนขา,ใบหน้า และมักจะเป็นในช่วงดึก ๆ หรือหลังตื่นนอนใหม่ ๆ โดยมีลักษณะร้อนวูบวาบ หรือชายุบยิบ และต่อมาก็เริ่มชานานกว่าเดิม แบบสัมผัสอะไรก็เริ่มไม่มีความรู้สึก นั่นคืออาการเบื้องต้นของการเป็น โรคปลายประสาทอักเสบหรือเส้นประสาทถูกกดทับนั่นเอง
อาการเส้นประสาทอักเสบ
เส้นประสาทอักเสบ คือการที่ระบบเส้นประสาทในร่างกายที่ทำหน้าที่ในการควบคุมกล้ามเนื้อ, ความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดของร่างกาย, การสั่นสะเทือน และการขยับข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย เกิดความผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบจากสาเหตุของการติดเชื้อ
โดยจะมีอาการ มึน ชา อ่อนแรงในบริเวณนิ้วมือ แขน เท้า และขา มักจะเป็นส่วนปลายของร่างกายมากกว่าจะเป็นตามช่วงกลางของร่างกาย หรือบางครั้งก็จะมีอาการปวดแสบปวดร้อนเหมือนโดนพริก หรือคล้ายถูกไฟไหม้ น้ำร้อนลวกที่บริเวณนั้น ๆ และในกรณีที่เป็นโรคของเส้นประสาทสมอง ก็จะสูญเสียหน้าที่ของเส้นสมองคู่นั้น ๆ ก่อให้เกิดอาการปากเบี้ยว และหลับตาไม่สนิท
5 สาเหตุของโรคปลายเส้นประสาทอักเสบ
- การถูกกดทับเฉพาะที่ เมื่อเส้นประสาทส่วนใดส่วนหนึ่งถูกกดทับ โดยเฉพาะในคนที่ต้องทำงานที่มีการใช้ข้อมือหนัก ๆ บ่อย ๆ จนเป็นการไปกดทับเส้นประสาทตรงบริเวณนั้น เช่น รับจ้างซักรีด, พิมพ์ดีดหรือคอมพิวเตอร์เป็นประจำ หรือแม้กระทั่งการเล่นกีฬาที่ต้องใช้มือเป็นประจำอีกด้วย
- เป็นผลมาจากโรคเฉพาะตัว หรือเกิดความผิดปกติด้านอื่นแทรกซ้อน โดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรคเบาหวานมานาน และไม่สามารถที่จะคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ก็จะทำให้เกิดอาการชาจากปลายประสาทอักเสบ ซึ่งมักเรียกว่าโรค Diabetic neuropathies นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้อีกกับโรคไทรอยด์บางชนิด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคติดต่อบางชนิด และผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านภูมิคุ้มกัน
- เกิดได้จากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ จนมีการอักเสบที่ปลายประสาท โดยมักจะเกิดที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งถ้ามีอาการที่หนักก็อาจจะถึงขั้นต้องสอดท่อช่วยหายใจ เพราะกล้ามเนื้อที่จะหายใจเกิดการล้มเหลว ทั้งนี้ตัวยาของโรคนี้ก็ยังถือว่าแพงมากอีกด้วย
- เกิดจากการขาดวิตามิน หรือสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายบางชนิด เช่น วิตามินบี ซึ่งผู้ป่วยจะต้องดูแลอาหารการกินของตัวเองให้ดี แต่สาเหตุนี้มักจะพบได้น้อยในปัจจุบัน
- เกิดขึ้นจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น ได้รับยาหรือสารพิษบางชนิดมากจนเกินไป คือยาต้านมะเร็ง, ยาปฏิชีวนะบางชนิด, สารตะกั่ว และปรอท เป็นต้น หรือเกิดจากอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ จนส่งผลให้ปลายประสาทเกิดความเสียหาย ซึ่งอาการบาดเจ็บหรือการโดนสารพิษนี้ ถ้ารักษาจนดีขึ้นหรือขับสารพิษออกจนหมดก็สามารถหายจนกลับมาเป็นปกติได้
นอกจากนี้ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอาการคล้าย ๆ กับโรคปลายประสาทอักเสบ แต่เป็นอาการผิดปกติที่ที่ระบบประสาทส่วนกลาง หรือเป็นความผิดปกติที่เกิดความเสียหายต่อไขสันหลัง เช่นเกิดเนื้องอก หรือมีอะไรเข้าไปกดทับเส้นประสาท ซึ่งพบได้บ่อยจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการชา อ่อนแรง และสูญเสียการทรงตัวไปในที่สุด ถือว่าเป็นอาการที่รุนแรงกว่าโรคปลายประสาทอักเสบอย่างมาก
วิธีการดูแลรักษาผู้ที่เป็นโรคปลายประสาทอักเสบ
- ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้เส้นประสาทถูกกดทับเป็นเวลานาน ซึ่งไม่ควรที่จะอยู่แต่ในท่าใดท่าหนึ่งนานจนเกินไป ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานก็ควรที่จะรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของตัวเองให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะให้ได้ และดูแลร่างกายให้แข็งแรง สมบูรณ์อยู่เสมอ
- ถ้ามีโรคประจำตัวอย่างอื่นก็ให้ทานยารักษาโรคไปตามปกติที่แพทย์แนะนำและสั่งจ่ายให้ แต่ให้เพิ่มเป็นยาแก้อักเสบที่ไม่มีสเตียรอยด์ หรือทานยาแก้ปวดร่วมด้วยเมื่อมีอาการปวด และทานวิตามินเสริม โดยเฉพาะมีโคบาลามินที่จะช่วยส่งเสริมการซ่อมแซมเส้นประสาทต่าง ๆ ให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติ พร้อมทั้งบรรเทาอาการชาและอาการข้างเคียงต่าง ๆ ให้ดีขึ้น
- ถ้าในกรณีที่มีอาการรุนแรงมาก แพทย์ก็อาจจะพิจารณาให้มีการผ่าตัดได้
- หมั่นทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูร่างกายและกล้ามเนื้อ พร้อมทั้งระบบประสาทให้กลับมาแข็งแรงและใช้งานได้ตามปกติ
ทั้งนี้ก็ควรที่จะใช้ชีวิตให้ระมัดระวัง อย่าให้เกิดบาดแผลตามปลายมือปลายเท้า แต่ถ้าพบว่ามีบาดแผลหรือร่องรอยฟกช้ำก็ให้รีบรักษาหรือไปพบแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไม่ให้ลุกลาม และควรหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมทั้งงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกฮอล์ แค่นี้ก็จะสามารถสบายใจห่างไกลโรคปลายประสาทอักเสบกันได้แล้ว