KM เรื่องการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาระบบจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพจากการใช้เครื่องรูดบัตรประชาชนสิทธิราชการกรมบัญชีกลาง

หน่่วยงานที่ทำ KM

หน่วยงานจัดเก็บรายได้
หน่วยงานข้อมูลกลางสารสนเทศ DATA CENTER
หน่วยงานบัญชี

 หลักการและเหตุผล

จากการเปลี่ยนระบบของกรมบัญชีกลางผู้ป่วยนอก แจ้งให้ทุกโรงพยาบาลเตรียมความพร้อมในการใช้เครื่องรูดบัตรประชาชนให้กับผู้มีสิทธิเบิกและครอบครัวข้าราชการกรมบัญชีกลาง เพื่อสร้างระบบให้ถูกต้องถูตัวในการเบิก
1.เพื่อให้แพทย์พบกับผู้ป่วยที่มาใช้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยที่เป็นไปตามความเป็นจริง
2.เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยถูกสวมสิทธิในการรักษา
3.เพื่อให้มีแนวปฏิบัติการเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกสำหรับสถานพยาบาลต้อง สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงนำมาซึ่งการพัฒนาระบบโปรแกรมเชื่อมต่อระบบเครื่องรูดบัตรกับระบบโรงพยาบาล ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องเช่น ผู้บริหาร แพทย์ที่สรุปแฟ้ม ผู้ให้รหัสโรค เจ้าหน้าที่นำส่งข้อมูลส่งเบิก สามารถวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการนำส่งเบิกเรียกรับค่าชดเชยการรักษาพยาบาล เพื่อจะได้ทราบถึงค่าชดเชยเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง

วัตถุประสงค์

1. เพื่อพัฒนาโปรแกรมช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลให้กรมบัญชีกลางทราบว่าทั้งประเทศมีค่าใช้จ่ายในการใช้งบประมาณเท่าไรโดยออนไลน์
2. เพื่อให้โรงพยาบาลใช้เครื่องรูดบัตรและลิงค์กับธนาคารที่จ่ายเงินโดยตรง
3. เพื่อความสะดวกแก่ประชาชนที่มาใช้บริการกับโรงพยาบาล

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

หลังจากที่มีการนำโปรแกรม โครงสร้างใหม่ มาใช้ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานใหม่ โดยใช้โปรแกรมเป็นส่วนช่วยในการประมวลผลข้อมูลส่งเบิก ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ในส่วนของการตรวจสอบข้อมูลส่งเบิกมีความแม่นยำมากขึ้น ลดระยะเวลาในการทำงานลง และจากการที่โปรแกรมจัดเก็บข้อมูลลงในฐานข้อมูล ทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น การเรียกดูข้อมูล หรือการแสดงออกมาเป็นรายงานทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กรมบัญชีกลาง ธนาคารกรุงไทย เจ้าหน้าที่สารสนเทศข้อมูลกลางและเจ้าหน้าที่EMR ประสานและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่านี้เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยให้ดีกว่าเดิม

การจัดทำ KM ณ ห้องประชุม 5 A โดยงาน งานบัญชี งานจัดเก็บรายได้ และงานสารสนเทศข้อมูลกลาง เข้าร่วม

แยกข้อความเป็นหลายคอลัมน์ด้วยการแปลงข้อความเป็นตัวช่วยสร้างคอลัมน์

สามารถนำข้อความในเซลล์หนึ่งเซลล์ขึ้นไปมากระจายลงในเซลล์หลายเซลล์ได้ วิธีนี้เรียกว่าการแจกแจงรูปประโยค และเป็นวิธีที่ตรงข้ามกับการเชื่อมเข้าด้วยกัน ซึ่งคุณสามารถรวมข้อความจากเซลล์อย่างน้อยสองเซลล์เป็นเซลล์เดียว ตัวอย่างเช่น คุณสามารถแยกคอลัมน์ชื่อและคอลัมน์นามสกุล ดังต่อไปนี้:

ไปยัง ข้อมูล> ข้อความเป็นคอลัมน์ และตัวช่วยสร้างจะนำคุณเข้าสู่กระบวนการ วิธีการทำงานการแบ่งย่อยมีดังต่อไปนี้

1.เลือกเซลล์หรือคอลัมน์ ที่มีข้อความที่คุณต้องการแยก

     หมายเหตุ: เลือกแถวได้จำนวนมากเท่าที่คุณต้องการ แต่ไม่เกินหนึ่งคอลัมน์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคอลัมน์ว่างที่ด้านขวาเพียงพอ เพื่อป้องกันการเขียนทับ ถ้ามีคอลัมน์ว่างไม่เพียงพอ ให้คุณเพิ่มจำนวนคอลัมน์ว่างเสียก่อน

2.คลิก ข้อมูล > ข้อความเป็นคอลัมน์

3.ซึ่งจะเริ่มการทำงานของ ตัวช่วยสร้างการแปลงข้อความเป็นคอลัมน์ คลิก มีการใช้ตัวคั่น > ถัดไป

4.คลิก ช่องว่าง แล้วล้างกล่องทั้งหมดที่เหลือ หรือเลือก เครื่องหมายจุลภาค และ ช่องว่าง ถ้าคุณต้องการแยกข้อความด้วยเครื่องหมายดังกล่าว (ทุ้มยิ่ง, ขวัญชัย ที่มีเครื่องหมายจุลภาคและช่องว่างระหว่างชื่อ) คุณสามารถดูการแสดงตัวอย่างข้อมูลได้ในหน้าต่าง แสดงตัวอย่างข้อมูล

5.คลิก ถัดไป

6.ในขั้นตอนนี้ ให้เลือกรูปแบบสำหรับคอลัมน์ใหม่ของคุณ หรือปล่อยให้ Excel ทำงานให้คุณ ถ้าคุณต้องการเลือกรูปแบบเอง ให้เลือกรูปแบบตามที่คุณต้องการ เช่น ข้อความ จากนั้นคลิกที่คอลัมน์ของข้อมูลคอลัมน์ที่สองในหน้าต่าง แสดงตัวอย่างข้อมูล แล้วคลิกรูปแบบเดียวกันอีกครั้ง ทำซ้ำกับคอลัมน์ทั้งหมดในหน้าต่าง แสดงตัวอย่าง

7.คลิกปุ่ม  ยุบกล่องโต้ตอบ ที่อยู่ด้านขวาของกล่อง ปลายทาง เพื่อยุบกล่องโต้ตอบ

8.เลือกเซลล์ในเวิร์กบุ๊กที่คุณต้องการวางข้อมูลที่แยกลงไป ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการแยกชื่อเต็มออกเป็นคอลัมน์ชื่อและคอลัมน์นามสกุล ให้เลือกเซลล์ในจำนวนที่เหมาะสมในคอลัมน์ที่ติดกันสองคอลัมน์

คลิกปุ่ม  ขยายกล่องโต้ตอบ เพื่อขยายกล่องโต้ตอบ จากนั้นคลิก เสร็จสิ้น

แยกเนื้อหาจากหนึ่งเซลล์ให้เป็นสองเซลล์หรือมากกว่า

1.เลือกเซลล์ที่มีเนื้อหาที่คุณต้องการแยก

     สิ่งสำคัญ: เมื่อคุณแยกเนื้อหา เนื้อหาจะเขียนทับเนื้อหาในเซลล์ถัดไปทางด้านขวา ดังนั้น ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีช่องว่างอยู่

2.บนแท็บ ข้อมูล ในกลุ่ม เครื่องมือข้อมูล ให้คลิก แปลงข้อความเป็นคอลัมน์ตัวช่วยสร้างการแปลงข้อความเป็นคอลัมน์ จะเปิดขึ้น

3.เลือก ตัวคั่น ถ้ายังไม่ได้เลือก แล้วคลิก ถัดไป

4.เลือกตัวคั่นเพื่อกำหนดตำแหน่งที่คุณต้องการแยกเนื้อหาในเซลล์ ส่วนแสดงตัวอย่าง ข้อมูล จะแสดงลักษณะของเนื้อหาของคุณ คลิก ถัดไป

5.ในพื้นที่ รูปแบบข้อมูลคอลัมน์ ให้เลือกรูปแบบข้อมูลสำหรับคอลัมน์ใหม่ ตามค่าเริ่มต้น คอลัมน์จะมีรูปแบบข้อมูลเหมือนกับเซลล์ต้นฉบับ คลิก เสร็จสิ้น

Database คืออะไร

Database หรือ ฐานข้อมูล คือ กลุ่มของข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ โดยมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยไม่ได้บังคับว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะต้องเก็บไว้ในแฟ้มข้อมูลเดียวกันหรือแยกเก็บหลาย ๆ แฟ้มข้อมูล

ระบบฐานข้อมูล (Database System) คือ ระบบที่รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีระบบมีความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่าง ๆ ที่ชัดเจน ในระบบฐานข้อมูลจะประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลหลายแฟ้มที่มีข้อมูล เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นระบบและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถใช้งานและดูแลรักษาป้องกันข้อมูลเหล่านี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีซอฟต์แวร์ที่เปรียบเสมือนสื่อกลางระหว่าง
ผู้ใช้และโปรแกรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ฐานข้อมูล เรียกว่า ระบบจัดการฐานข้อมูล หรือ DBMS (data base management system)มีหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายสะดวกและมีประสิทธิภาพ การเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้อาจเป็นการสร้างฐานข้อมูล การแก้ไขฐานข้อมูล หรือการตั้งคำถามเพื่อให้ได้ข้อมูลมา โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้เกี่ยวกับรายละเอียดภายในโครงสร้างของฐานข้อมูล

ประโยชน์ของฐานข้อมูล
1 ลดการเก็บข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ข้อมูลบางชุดที่อยู่ในรูปของแฟ้มข้อมูลอาจมี
ปรากฏอยู่หลาย ๆ แห่ง เพราะมีผู้ใช้ข้อมูลชุดนี้หลายคน เมื่อใช้ระบบฐานข้อมูลแล้วจะช่วยให้
ความซ้ำซ้อนของข้อมูลลดน้อยลง
2 รักษาความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากฐานข้อมูลมีเพียงฐานข้อมูลเดียว ใน
กรณีที่มีข้อมูลชุดเดียวกันปรากฏอยู่หลายแห่งในฐานข้อมูล ข้อมูลเหล่านี้จะต้องตรงกัน ถ้ามีการ
แก้ไขข้อมูลนี้ทุก ๆ แห่งที่ข้อมูลปรากฏอยู่จะแก้ไขให้ถูกต้องตามกันหมดโดยอัตโนมัติด้วย
ระบบจัดการฐานข้อมูล
2.3 การป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลทำได้อย่างสะดวก การ
ป้องกันและรักษาความปลอดภัยกับข้อมูลระบบฐานข้อมูลจะให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ซึ่งก่อให้เกิดความปลอดภัย(security) ของข้อมูลด้วย

ข้อมูลอ้างอิง
http://www.comsrt.net63.net
http://www.spvc.ac.th